ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ใหญ่หลวงนัก สำหรับสองพรรคใหญ่ “พลังประชารัฐ VS เพื่อไทย” ที่เดิมพันของแต่ละฝ่ายสูงพอกัน ในเกมสภาฯ “เสียงปริ่มน้ำ” แต่ถ้าวัดกัน “หมัด” ต่อ “หมัด” ต่างมีจุดอ่อนจุดแข็งให้ได้ลุ้น ไปจนกระทั่ง “ตัวแปร” ที่อาจเป็นตัวตัดสินเลยทีเดียว
เริ่มจากสนามเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่นเขต 7 ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ คือ มัญจาคีรี และ หนองเรือ แบ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อ.มัญจาคีรี 57,000 กว่าคน อ.หนองเรือ 73,000 กว่าคน รวมทั้งสิ้น 132,783 คน
การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. 2562 มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 4 คน คือ นายธนิก มาสีพิทักษ์ พรรคเพื่อไทย หมายเลข 1, ดร.สมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 2, พ.ต.อ.กิตติกูร กาญจนสกุล พรรคเสรีรวมไทย หมายเลข 3 และดร.สุทัศน์ ผลบุญ พรรคพัฒนาชาติ หมายเลข 4
ข้อมูลการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า 2 คน เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 คือ ดร.สมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ ได้ 26,553 คะแนน มีคะแนนเป็นรองนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นสภาพส.ส. เนื่องจากศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว หลังศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต คดีจ้างวานฆ่า ปลัดฯอบจ.ขอนแก่น แค่ 3 พันคะแนนเศษ
อีกคนคือ พ.ต.อ.กิตติกูร กาญจนสกุล พรรคเสรีรวมไทยได้ 1,062 คะแนน ลำดับที่ 6
แต่ที่วิเคราะห์กัน เห็นได้ว่า มีพียง 2 คนจาก 2 พรรคการเมืองเท่านั้น ที่เป็นคู่ชิงในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ นั่นคือ เบอร์ 1 นายธนิก มาสีพิทักษ์ พรรคเพื่อไทย และเบอร์ 2 ดร.สมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ
เนื่องจากทั้งสองคน นอกจากสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ แล้ว ยังมีฐานเสียงตัวเองค่อนข้างชัดเจน กล่าวคือ นายธนิก เคยเป็นแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.ขอนแก่นมาก่อน แม้ว่าจะเป็นอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อก็ตาม ทั้งยังเป็นคนในพื้นที่ อ.มัญจาคีรีด้วย
ความจริง “ธนิก ” ถูกวางตัวเป็นตัวแทน “นวัธ” ไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 แล้ว แต่เกิดกรณีขัดแย้งกับ “นวัธ” จน “ธนิก” ถูกกระโดดถีบ เพราะไปเสนอตัวลงสมัคร ส.ส.แทน จนต้องไปลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค
ส่วนการได้โอกาสครั้งนี้ “ธนิก” ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ขอนแก่น และส.ส.มหาสารคาม ในฐานะเป็นคนในพื้นที่เลือกตั้งเขต 7 (เกิดที่ อ.มัญจาคีรี) แม้ว่า คู่แข่งในการลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคเดียวกัน จะมีทั้งนายอดิศร เพียงเกษ ซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงเช่นกัน และ “ส.จ.ตี๋” สุรพจน์ เตาะเจริญสุข ส.อบจ.ขอนแก่น เขต อ.หนองเรือ ที่เป็นหลานชายของ “นวัธ” แต่แกนนำพรรคมองว่า หากนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง สมศักดิิ์ คุณเงิน ถือว่า เสียเปรียบคู่ต่อสู้มากพอควร
ดังนั้น เมื่อที่สุดแล้ว คู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 7 คือ “ธนิก” จาก พรรคเพื่อไทย และ “สมศักดิ์” จากพรรคพลังประชารัฐ จุดอ่อน จุดแข็ง จึงแทบไม่ต่างกัน แถมยังมีเดิมพันแพ้ไม่ได้ของพรรคเพื่อไทย กับ พรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการ 1 เสียงเพื่อไปเติมเต็ม “เสียงปริ่มน้ำ” ในสภาฯด้วย
มาดูกระแสส่วนตัว ของทั้งสองคน ถ้าพูดถึงบ้านเกิดหรือความเป็นคนในพื้นที่ ถือว่า “สมศักดิ์” ได้เปรียบ เพราะเป็นคน อ.หนองเรือ ซึ่งใหญ่กว่า อ.มัญจาคีรี ของ “ธนิก”
แต่ในแง่การเป็นแกนนำคนเสื้อแดง ของ “ธนิก” ก็ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะต้องยอมรับว่า ฐานคนเสื้อแดงกับคนเพื่อไทย เป็นหนึ่งเดียวที่แน่นหนาถาวรพอสมควร แม้การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว “สมศักดิ์” เกือบชนะ “นวัธ” ด้วยคะแนนห่างกันเพียง 3 พันกว่าคะแนนเท่านั้น
นั่นแสดงว่าคะแนนนิยมของ “สมศักดิ์” ซึ่งอาศัยความขยันลงพื้นที่ คลุกคลีกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่เลือกว่า เป็นช่วงเลือกตั้งหรือไม่ จนได้ใจคน อ.หนองเรือ อย่างมาก ก็ถือว่า เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว สำหรับ “ธนิก” เช่นกัน
ส่วนกระแสพรรค ต้องยอมรับว่า พรรคเพื่อไทย ยังเป็นต่อ เพราะฐานมวลชน ไม่แต่เฉพาะคนเสื้อแดงเท่านั้น หากแต่ฐานเสียงพรรคเพื่อไทย ก็ถือว่ากินรวบในภาคอีสานอยู่แล้ว เมื่อสองพลังบวกกัน ทำไม “ธนิก” จะไม่หวัง
แต่ว่า ปัญหาใหญ่คือ ก้างชิ้นโต อย่าง ฝ่าย “นวัธ” เพราะแม้ว่า “นวัธ” จะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ เขาก็ยังหวังที่จะให้ตัวแทน อย่าง “ส.จ.ตี๋” สุรพจน์ เตาะเจริญสุข ส.อบจ.ขอนแก่น เขต อ.หนองเรือ ที่เป็นหลานชายของ “นวัธ” หรือลูกชาย “นวัธ” ลงสมัครแทน แต่เมื่อแกนนำพรรคมองว่า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ดีพอกับ นายสมศักดิิ์ คุณเงิน ฝ่าย “นวัธ” จึงไม่พอใจอย่างมาก
นั่นหมายความว่า ฝ่าย “นวัธ” ซึ่งประกอบไปด้วย “ส.จ.ตี๋”และนักการเมืองท้องถิ่นหลายคน จะ “เกียร์ว่าง” ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และจะทำให้จุดแข็งของ “ธนิก” ลดลงไปด้วย
แต่ไม่รู้ว่า ความขยันของ “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่ลงมาช่วยหาเสียงในพื้นที่อย่างขยันขันแข็ง จะทดแทนได้หรือไม่
ด้าน “สมศักดิ์” กระแสพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่น้อยหน้าเพื่อไทย เนื่องจากนโยบายประชานิยม ลดแลกแจกแถมกำลังทำงาน ไหนจะบัตรคนจนรูดปื๊ดรูดปื๊ด ชิมช้อปใช้เดินหน้าไปแล้วถึง 3 เฟส ค่าชดเชยฝนแล้ง-น้ำท่วมมีให้เกษตรกรทุกปี ฯลฯ เหล่านี้อารมณ์ของคนกำลังคล้อยตาม ขณะที่เพื่อไทย เมื่อเป็นฝ่ายค้าน ก็แทบจะนิ่งสนิทไปเหมือนกัน
แต่จุดอ่อน อาจมาจากจุดแข็ง ที่ก่อนหน้านี้ นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ จ.ขอนแก่น พร้อมทุ่มสรรพกำลัง ช่วยเหลือ “สมศักดิ์” อย่างเต็มกำลัง จนทำให้เชื่อว่าจะปิดประตูแพ้นั้น ปรากฏว่า วันนี้นายเอกราช มีกระแสไม่สู้ดีนัก เนื่องจากมีปัญหาพัวพันกับเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นที่สูญหายจากบัญชีกว่า 400 ล้านบาท จนอาจทำให้การผลักดัน “สมศักดิ์” ชนะเลือกตั้งไม่เต็มที่นัก
หรือถ้าหากเรื่องสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไม่มีผล นายเอกราช สามารถผลักดันได้อย่างเต็มที่ “สมศักดิ์” ก็ถือว่ามีพลังหนุนเสริมอย่างแข็งแรง และน่ากลัวขึ้นมาทันที
แล้วก็อย่าลืมเป็นอันขาด “นครปฐม โมเดล” ในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.นครปฐม เขต 5 ซึ่งผลปรากฏว่า นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ชนะคู่แข่งจากพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม โดยมีคะแนนทิ้งห่างเกือบหมื่นคะแนน นั่นคือ รูปแบบการต่อสู้ระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน!!!
ความจริงฝ่ายค้านเองก็คงจะรู้ตัวดี ว่าจุดนี้จะต้องแก้ปัญหา โดยบางพรรคที่มีคะแนนสูงในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ต่างก็หลีกทางให้พรรคเพื่อไทยสู้อย่างเต็มที่พรรคเดียว เพื่อจะไม่ต้องแบ่งคะแนนกัน
ท้ายสุด การเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ยังไม่แน่ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ความต้องการที่นั่งอย่างสูงของรัฐบาล อาจเป็นพลังพิเศษ หรือ “ตัวแปร” ตัดสิน “แพ้-ชนะ” ก็เป็นได้ ใครจะรู้!!!