แจงตั้งทนายเป็นอำนาจกก.สหกรณ์ “อนุศาสตร์”ชิงปธ.วาระ2เว้นมีคู่แข่งถอนตัว

ปธ.สหกรณ์ครูขอนแก่นให้ปากคำตำรวจกว่า 4 ชั่วโมง ย้ำอีกครั้งเงินหายชัวร์ 431 ล้านบาท เตรียมกันสำรองหนี้เสีย ยันมีแผนรองรับไม่กระทบปันผลสมาชิก แจงการตั้ง“ทนายบุญคง”เป็นอำนาจของกรรมการสหกรณ์ฯที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนกรรมการไตรภาคีเป็นเพียงที่ปรึกษา เผยมติผู้บริหาร6เขตให้เป็นประธานวาระ2เว้นมีคู่แข่งจะถอนตัว


รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 10. 00 น.วันที่ 29 มกราคม ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงษ์ ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมที่ห้องทำงานของพ.ต.อ.ธน พรรณานนท์ ผกก.ส.ส.สภ.เมืองขอนแก่น ใช้เวลาในการให้ปากคำนานถึงกว่า 4 ชั่วโมง โดยไม่มีการหยุดพักรับประทานอาหารกลางวัน แต่ใช้วิธีกรสั่งข้าวกล่องมารับประทานในห้องพนักงานสอบสวน

ดร.อนุศาสตร์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถให้รายละเอียดการให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนได้ เพราะทางตำรวจได้ขอร้องไว้ ซึ่งตนต้องขอบคุณพนักงานสอบสวนที่ได้เร่งรัดคดีให้รวดเร็ว มีการเรียกพยานมาสอบปากคำแล้วหลายราย อาทิ ผู้จัดการสหกรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายการเงิน คาดว่าอีกไม่นานจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของสหหรณ์ออมทรัพย์ฯได้เตรียมการแต่งตั้งทีมทนายความเพื่อจะดำเนินการทางกฎหมายในนามสหกรณ์ฯไว้แล้วทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นทีมคดีแพ่งและทีมคดีทางอาญา โดยที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานได้มีมติเห็นชอบแล้วและจะได้มีการลงนามในสัญญาจ้างต่อไป

“เราใช้งบประมาณในการจ้างทนายความสูงถึง 4 ล้านบาท เพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายเอาผิดกับผู้ที่ยักยอกเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูออกไป โดยเบื้องต้นชัดเจนแล้วว่าเป็นเงินจำนวน 431 ล้านบาท และขณะนี้สหกรณ์ได้เตรียมที่จะกันเงินทางบัญชีไว้เผื่อหนี้สูญแล้ว”ดร.อนุศาสตร์กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตามการกันบัญชีหนี้สูญนั้นจะไม่มีผลกระทบในการปันผลกับสมาชิกสหกรณ์ฯเพราะตามข้อบังคับนั้นเป็นหนี้สูญที่มีผู้รับผิดชอบ ซึ่งเราจะได้ดำเนินการติดตามเอาเงินกลับมาคืน และการกันหนี้สูญไม่ได้กันไว้ทั้งหมดจำนวน 431 ล้านบาทภายในปีเดียว แต่จะแบ่งเป็นช่วงๆไป ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ต่อไปด้วย

ดร.อนุศาสตร์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ชมรมสมาชิกสหกรณ์ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านไม่ให้มีการแต่งตั้งนายบุญคง ดวงจันคำ เป็นทนายความให้กับสหกรณ์ฯโดยอ้างว่า นายบุญคงเป็นบุคคลที่เคยทำงานให้กับอดีตผู้บริหารสหกรณ์ที่ผ่านมาต่อเนื่องเป็น 10 ปีนั้น ตนขอชี้แจงว่าอำนาจของคณะกรรมการไตรภาคีนั้นเป็นเพียงการให้คำปรึกษา ส่วนอำนาจในการตัดสินใจเป็นของคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ ซึ่งมีการพิจารณาและได้มีมติออกไปแล้ว

“ผมทราบว่าคณะกรรมการชมรมสมาชิกสหกรณ์ฯ ไม่พอใจและจะให้มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล ก็คงจะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการดำเนินงานฯจะได้มีการหารืออีกครั้งว่า จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร ส่วนการบอกว่าหากไม่มีเปลี่ยนแปลงจะมีการชุมนุมใหญ่ผมคิดว่าก็คงจะไม่เป็นผลดีต่อสหกรณ์”ดร.อนุศาสตร์และว่า

ทั้งนี้เพราะหากสมาชิกสหกรณ์ฯมีความตื่นตระหนกและพากันแห่มาถอนเงินออกไป ก็จะกระทบกับความเข้มแข็งของสหกรณ์ ซึ่งตนคิดว่าใม่ควรที่จะทำ แต่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการดำเนินงานจะพิจารณาต่อไปอีกครั้ง

ดร.อนุศาสตร์กล่าวว่า ตนจะหมดวาระในการดำรงตำแหน่งประธานสหกรณ์วันที่ 31 ธ.ค.2562 แต่ก็จะรักษาการต่อไปจนถึงวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 ส่วนการลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหรือไม่นั้น ทางที่ประชุมของผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทั้ง 5 เขต รวมทั้งเขตมัธยมศึกษา 25 อีก 1 เขต รวมเป็น 6 เขตได้มีมติให้ตนลงสมัครเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาสหกรณ์ที่กำลังเกิดขึ้นให้แล้วเสร็จโดยจะมีการเปิดรับสมัครวันที่15-17 ม.ค.2562 นี้

“ที่ประชุมผู้บริหารได้มีมติส่งผมลงสมัครเป็นประธานสหกรณ์วาระที่สอง เพราะวาระแรกของผมนั้นมีเวลาเพียงแค่ 2เดือนกว่า เพื่อให้สานต่อการทำงานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ต่อไป แต่หากว่ามีผู้บริหารเขตคนอื่นลงสมัครแข่งขันด้วยผมก็จะขอถอนตัวไม่รับตำแหน่ง”ดร.อนุศาสตร์กล่าว

แสดงความคิดเห็น