พัฒนาการโรคระบาดในอดีตอันไกลโพ้นผ่านไป โรคระบาดไวรัสโคโรนา(โควิด-19) ก็มาเยี่ยมเยือนชาวโลก ยังไม่สามารถจะรู้ชัดว่าจะจบลงอย่างไร แต่ข้อค้นพบทางวิทยาศาสตร์สดๆ ร้อนๆ แล้วว่า ไวรัสตัวนี้เมื่อกลายเมื่อกลายพันธุ์นักวิทยาศาสตร์จีนจะมีความรุนแรงกว่าไวรัสอู๋ฮั่นถึง 270 เท่า และเรายังรับรู้อีกว่าผู้อำนวยการควบคุมและศูนย์ป้องกันโรคสหรัฐฯยังเตือนโควิด-19 “รอบสอง” ร้ายแรงกว่ารอบแรก ทั่วโลกก็จะปั่นป่วน (disruption) ทุกด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจอย่างลึกและรุนแรง และด้านสังคมของมนุษย์ทั่วโลก จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงขนาดมหึมาและถ้วนทั่วทุกด้านอาจเรียกว่าระเบียบโลกใหม่กันเลยทีเดียว
ในด้านสหกรณ์ครูไทย เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เช่นเดียวกันกับโลกและประเทศไทย แต่มันจะเปลี่ยนไปสู่รูปแบบใดไม่ได้จะต้องช่วยกันปราบปรามการทุจริตในวงการสหกรณ์ครูที่ผูกโยงกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ของพวกกลุ่มมาเฟีย ผู้แทนสมาชิก(ตัวการสำคัญตัวแทนสำคัญ) และสมาชิกผู้เฉื่อยชา(รับเงินซื้อเสียง กลัวกู้เงินไม่ได้ต้องเอาใจกลุ่มมาเฟียเพราะเงินเดือนไม่เหลือถึงร้อยละ 30 และรับโบนัสที่ตนเองโหวตวันประชุมใหญ่ประจำปีเพื่อจัดสรรกำไรสุทธิ และไม่สนใจความก้าวหน้าขององค์กรจนเกิดวิกฤตเต็มประเทศ) อย่างกรณีสหกรณ์ครูขอนแก่น สหกรณ์ครูมหาสารคาม สหกรณ์ครูชัยภูมิ และสหกรณ์ครูนครราชสีมา เป็นต้น
ต่างคนต่างฟ้องศาลฯ
เรายังคงเกาะติดเท่าทันกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมหาสารคามจำกัด จะเริ่มต้นด้วยการดำรงตำแหน่งของประธานสหกรณ์ครูขอนแก่นคนใหม่(คนเดิมเป็นสมัยที่สอง) เขามีวิธีการเลือกตั้งสุดยอดมากคือไม่มีครูคนใดใน 19,000 คนเป็นคู่แข่ง(ถ้ามีคนแข่ง เขาจะไม่ลง) และแทบไม่เปิดโอกาสให้ประธานชมรมสมาชิกสหกรณ์อมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัด(ช.อ.ก.) และกรรรมการชมรมฯ ได้แสดงความคิดเห็นแย้งในที่ประชุมใหญ่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ก่อนที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกจะลงมติเห็นชอบวาระการจัดสรรกำไรสุทธิให้เป็นเงินปันผล เฉลี่ยคืน และเป็นโบนัสเงิน 20 กว่าล้านบาทแก่ผู้เกี่ยวข้องทั้ง 533 คน(อนุศาสตร์.19 กุมภาพันธ์ 2563 และ Esanbiz.com) หลังวันนั้นไม่นานนักรองนายทะเบียน(สหกรณ์จังหวัด) ก็ได้มีคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ฯ ตามคำสั่งที่ 31/2563 สั่งวันที่ 6 มีนาคม 2563
นายอนุศาสตร์ฯ ก็ทำมีหนังสือไปยังสมาชิกทุกท่านทำนองโต้ตอบความว่า “กรณีมีคำสั่งเพิกถอน(มติที่ประชุมใหญ่วาระจัดสรรกำไรสุทธิ)ขอให้สมาชิกได้สบายใจและไม่ต้องกังวลกลัวจะได้คืนเงินปันผลเฉลี่ยคืน คณะกรรมการฯมีแนวทางแก้ปัญหาไว้หมดแล้ว” นับแต่วันนั้นมานายอนุศาสตร์และนายวิศร์ก็มีการดำเนินงานไม่สอดคล้องกัน ไม่มีการปรึกาษาหารือในเรื่องคดีความ(Esanbiz.com) กล่าวโดยสรุปต่างคนต่างฟ้องเป็นสองสำนวน
ฟ้องคดีที่ 1 คณะกรรมการฯฟ้องเอง จำเลย 5 คน ต่อศาลจังหวัดขอนแก่นฐาน ยักยอกทรัพย์ 431 ล้านบาท ปลอมแปลงเอกสาร รับของโจร ใช้ค่าทนายความที่ตั้งไว้จำนวนมากถึง 4 ล้านบาท ศาลนัดไต่สวน 3 สิงหาคม 2563
ฟ้องคดีที่ 2 สมาชิกชมรม ช.อ.ก.นำโดยนายวิศร์ฯกับพวกกว่า 100 คนลงขันจ้างทนายความจะฟ้องเอง และคัดค้านการฟ้องคดีที่ 1 มอบอำนาจให้ทนายความคนหนึ่งเป็นทนายความประจำที่อยู่ในห้วงที่สหกรณ์เกิดความเสียหาย และเป็นทนายให้แก่ผู้ก่อให้เกิดความเสียหาย มีข้อที่น่าสนใจที่สุดคือ พร้อมทั้งจี้ให้นายอนุศาสตร์ฯให้พ้นจากตำแหน่งโดยที่ประชุมใหญ่ลงมติหรือให้นายทะเบียนสหกรณ์สั่งให้พ้นจากตำแหน่ง พร้อมทั้งกล่าวว่า “เจ้าหนี้ทั้งหลายทราบดีว่า คณะกรรมการชุดปัจจุบันมีจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือ 11 คน(ใน15คน) ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนทำให้สหกรณ์เสียหายกว่า 1,200 ล้านบาท มิใช่ 400 ล้านบาท ดังที่คณะกรรมการฯ เปิดเผยออกมา”(Esanbiz.com) รายงานข่าวอย่างลึกแจ้งมาอีกว่า จะทำให้ถึงขั้นฟอกเงินและเพิ่มรวมกรณีโกงแชร์ลอตเตอรี่เข้าไปด้วย
แชร์ลอตเตอรี่ที่ถูกฟ้องไปแล้ว 13 สหกรณ์ อีกสหกรณ์หนึ่งคือขอนแก่นที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(คนเก่งมากและถูกจำคุก) สั่งให้ยุติไว้ก่อนแล้วสั่งย้ายพนักงานสอบสวนไปที่นครราชสีมา และล่าสุดนางนวรัตน์ ชูทุ่งยอ สมาชิกยังได้ขอให้สหกรณ์จังหวัดตรวจสอบกองทุนสวัสดิการต่างๆ (อย่างน้อย 6 กองทุน) เป็นไปตามหนังสือกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ กษ 1115/1212 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 หรือไม่ เพราะมันเข้าข่ายการฝ่าฝืนกฎหมายอื่นตามพระราชบัญญัติประกันชีวิตพ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 โดยหนังสือฉบับนี้ ขอเงิน กสส.1-2-3 และ กสช.1-2-3 คืนพร้อมดอกเบี้ย ขอให้สหกรณ์ครูขอนแก่นประกันคุ้มครองหนี้ และให้หาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายอื่นทั้งสองฉบับ(ดูหนังสือสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นที่ ขก 0010/1248 ลงวันที่ 20 เมษายน 2563)
ผัว/เมีย เปลี่ยนกันนั่งกก.สหกรห์ฯ
คราวนี้ตามมาดูสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมหาสารคาม จำกัดบ้าง ข้อเขียนของครูผู้กล้าจริงคนหนึ่งใน”เครือข่ายอัปยศในสหกรณ์” เปิดเผยถึงเงินฉ้อฉลปล้นเอาและความบาปว่า ความผิดพลาดของคณะกรรมการฯ ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เกิดกลุ่มเล็กๆ เพื่อศึกษาเชิงลึกทำให้นายทะเบียนถอดถอนกรรมการทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งในปี 2560 แทนที่จะดีขึ้นมาบ้างสมาชิกที่ต่อสู้กลับลดจำนวนผู้กล้าอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญเขากล้าหลัดเกณฑ์ของการจ่ายเงินว่า “ค่าตอบแทนลงนามในอัตราร้อยละ 0.5 ของเงินกู้แต่ละสัญญา โดยกำหนดค่าตอบแทนของผู้ลงนามตามหลักเกณฑ์ข้อ 6 ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ผู้มีหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายทำนิติกรรมกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอื่น ธนาคารพาณิชย์ สหกรณ์อื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ ทำให้ที่ผ่านมาสหกรณ์ครูมหาสารคามสูญเสียงบประมาณเพื่อการดังกล่าวไปจำนวนหลายล้านบาท
และเอกสารชิ้นนี้ยังชี้อีกว่าอุปสรรคที่ทำให้สหกรณ์ครูล้าหลังโดยตลอดคือมีการสืบทอดอำนาจระหว่างคู่สามีภรรยาผลัดกันเป็นเมื่อครบวาระแล้ว เช่นคู่ของอาภากรณ์กับสุบิน(บรบือ) จารุณีกับชวาล(เมืองฯ) ธีระวัฒน์กับทองม้วน(นาดูน) และวิรุฬกับอุบล เป็นต้น ทางด้านขอนแก่นอาจถือว่ามากที่สุดก็ได้ เช่นคู่ของนิวัตรกับอภิรดี คู่ของอาภรณ์กับศรีลา คู่ของอรพินกับสุพรรณ คู่ของประดับดวงกับสมศักดิ์ (Esanbiz.com)
เราจะปิดการเขียนเรื่องแชร์ลอตเตอรี่อันอื้อฉาว และความละโมบของครูส่วนใหญ่(สังเกตจากการประชุมโดยตัวแทนของสหกรณ์ครูชัยภูมิ) รายงานมีการระบุถึงการเกิดและการดับสลาย(แต่ก็มีแชร์ลูกโซ่เกิดขึ้นครั้งใหม่อีกหลายสหกรณ์) โดยในปี 2552 โดยมีกลุ่มบุคคลได้ตั้งบริษัทในนามนิติบุคคลให้เป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ต่อมาได้เริ่มทำการออกแบบให้มีการทุจริตแอบขายโควตาให้กับสหกรณ์ต่างๆ ในจังหวัดเลยตามคำพิพากษาศาลอาญารัชดาฯ เริ่มต้นจาก ลำดับ 1. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเลยจำกัด 2. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญศึกษาจังหวัดเลย 3. สหกรณ์การเกษตรวังสะพุง จำกัด จังหวัดเลย 4. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูชัยภูมิจำกัด 5. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูปทุมธานี 6. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูราชบุรีจำกัด 7. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร 8. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูร้อยเอ็ดจำกัด 9. สหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขสงขลาจำกัด 10.สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนนทบุรีจำกัด 11. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสกลนครจำกัด 12. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเชียงรายจำกัด และ 13. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์จำกัด
ไฟเงินบาปลุกโชนลามทุ่งไปทั่วอย่างรวดเร็วมาก ทั้งชีวิตของคณะกรรมการดำเนินการและผู้จัดการ รวมทั้งบริษัทนิติบุคคลได้ร่วมการก่อกรรมทำเข็ญสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงแก่สมาชิกสหกรณ์ที่ต้องการเงินบาปกว่า 2 แสนราย มูลค่าความเสียหายสูงมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท จนคณะรัฐประหารคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้ส่งผู้แทนมาประชุมร่วมกับสหกรณ์ 13 แห่งแล้วรับรับเรื่องไปตรวจสอบ จนกระทั่งมีการฟ้องศาลและลงโทษจำคุก 79 กรรมการและเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ 13 แห่ง แต่ผู้ถูกจำคุกทั้งหมดได้พากันยื่นประกันตัวศาลได้ปล่อยตัวชั่วคราว และส่งคำแก้ไขคำพิพากษาไปยังศาลอุทธรณ์ อันเป็นศาลลำดับสองต่อไป
ในคำฟ้องศาลอาญารัชดาฯ ชั้นต้น ฟ้องในความผิดต่อพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ความผิดพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉ้อโกงประชาชน คดีหมายเลขแดงที่ อ.863/2561 วันที่ 28 มีนาคม 2561 (ความหนาอย่างมากถึง 294หน้ากระดาษ)
อยากจะให้ท่านผู้อ่านทราบกันโดยทั่วไปในสหกรณ์ครูต่างๆ ว่า ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูร้อยเอ็ดจำกัดเสียหายตามคำฟ้อง
ศาล 490 ล้านบาทและศาลอาญาจังหวัดร้อยเอ็ดยังสั่งลงโทษจำคุกลดหลั่นกันลงไปสูงสุด 2 ปี สหกรณ์ออมทรัพย์ครูราชบุรีจำกัดจากปี 2553-2560 ศาลอุทธรณ์สิ้นสุด(ฎีกาไม่ได้ไม่ใช่สาระสำคัญ) พิพากษาจำคุก 16 คนคนละ 6 ปี และศาลแพ่งให้คณะกรรมการฯ ผู้จัดการ ผู้ตรวจสอบกิจการ บริษัทฯ ร่วมกันชำระเงิน 686 ล้านบาท ศาลแพ่งพิพากษาให้คณะกรรมการฯ ยโสธรร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 279 ล้านบาท จังหวัดเชียงรายศาลฎีกาพิพากษายืนให้กรรมการสหกรณ์ฯร่วมกันชำระเงิน 573 ล้านบาท ที่กาฬสินธุ์ศาลแพ่งได้สั่งให้ร่วมกันชำระหนี้ถึง 1,362 ล้านบาท และศาลอาญารัชดาฯ อ่านคำพิพากษาฉ้อโกงประชาชนในสหกรณ์ครู 6 สหกรณ์ ให้จำคุกระนาว 110 คน โดยเฉพาะนายก๊ก ดอนสำราญ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทยจำกัด(ตัวการใหญ่) นายสุรศักดิ์ ยศปัญญา (ตัวการใหญ่) ฯลฯ (อ่านรายละเอียดในเอกสาร 294 หน้า)
วีรบุรุษแชร์ลอตเตอรี่
เรื่องแชร์ลอตเตอรี่ เราต้องขอบคุณท่านที่ช่วยอย่างสำคัญคือ พันเอกปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ และนายสานิตย์ พลศรี ประธานสหกรณ์ครูชัยภูมิ (ที่พันเอกปิยะวัฒก์ฯ ชื่นชมนายสานิตย์ในเฟสบุ๊คว่าเป็น “วีรบุรุษผู้ยอมตายในสนามรบ” และอาจจะขอบคุณสมาชิกสหกรณ์ครูขอนแก่นที่จะฟ้องแชร์ลอตเตอรี่ด้วย (ซึ่งนายเอกราชฯ ได้ชี้แจงในครั้งนั้นว่า “สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นได้นำเงินกองทุนไปทำสัญญาซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัทเอชนแหห่งหนึ่งเมื่อเดือนกันยายน 2553 จำนวน 34 งวดจริง โดยมีระบบการจัดการถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้” (MGR Online 13 กรกฎาคม 2554) แต่เราผู้เขียนเห็นว่ามันผิดวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ชัดเจน และเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
จากบทเสนอตัวอย่างรูปแบบความไม่ชอบมาพากลและอาจฝ่าฝืนกฎหมายอื่น นอกจากกฎหมายสหกรณ์ของสหกรณ์ต่างๆ มา เราเห็นว่า บรรดาสหกรณ์ต่างๆ มักกระทำการหมิ่นเหม่ โดยใช้มติของผู้แทนสมาชิก(กฎหมายกำหนดให้เลือกตั้ง แต่ก็แทบจะไม่มีการเลือกเลย) และหลายแห่งถูกบดบังจากการไม่กล้าของสมาชิก สื่อสารมวลชนบางแห่ง หลายแห่งใช้วิธีการหลายอย่างเช่นฟ้องหมิ่นประมาทเพื่อให้กลุ่มที่ฟ้องตนถอนฟ้องต่อศาลพร้อมจ่ายค่าตอบแทนให้ต่อหน้าศาล มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ฟ้องศาลปกครองนครราชสีมาคดีที่บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลสหกรณ์คือชัยภูมิคือนายสานิตย์ พลศรี ประธานกรรมการฯสมัยนั้น ฟ้องและร้องเรียน ป.ป.ช. รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์(นายโอภาสฯ) ผู้ตรวจราชการกรมฯ(นายสุกรีฯ) สหกรณ์จังหวัดชัยภูมิ(นายสุพจน์ฯ) สหกรณ์จังหวัดคนถัดมา(นายบุญเสริมฯ) รักษาราชการแทนสหกรณ์จังหวัด(นายวรรณศักดิ์ฯ) และผู้อำนวยการกลุ่มฯ สำนักงานสหกรณ์จังหวัด(นางวราลักษณ์ฯ) ชนะในศาลชันต้น
ตอนนี้เฝ้ารอคำพิพากษาสุดท้ายศาลปกครองสูงสุด เรายังยืนยันเสมอว่า นอกจากความเสื่อมทรุดในสหกรณ์ครูซึ่งรอวันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ล้วนเกิดจากความไม่สุจริตของกรรมการและฝ่ายจัดการ ผู้แทนสมาชิก และความเฉื่อยชาของสมาชิก ที่เห็นแก่เงินที่มาบำเรอตัวเองและครอบครัวเป็นสำคัญ.
(ติดตามตอนที่ 9 เรื่องสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์กับสหกรณ์ครูโคราช).