‘ดร.อนุศาสตร์’พร้อมกรรมการสหกรณ์ฯครูขก.แจ้งความกลับ ‘ดร.วิศร์’ และพวกหมิ่นประมาท ทำสหกรณ์ฯเสียหาย ยันเงินไม่ได้หาย 1,175 ล้านบาท ตร.นัดให้ปากคำ 17 พ.ค.นี้ ด้าน ดร.วิศร์ “สวนกลับ” เป็นเจ้าของสหกรณ์มีสิทธิ์ถามกรรมการฯใช้เงินอย่างไร การเบิกเงินออกไปเข้าบัญชีส่วนตัวแม้จะนำมาคืนความผิดสำเร็จแล้ว ทำไมกรรมการฯไม่ชี้แจงต่อสาธารณะเสมือนเอื้อประโยชน์ให้ผู้กระทำผิด หากไม่มีปรากฏตัวเลขในคำฟ้องของสหกรณ์ก็จะไม่มีใครรู้ยอดที่ถูกยักยอกออกไปทั้งหมด
วันที่ 15 พ.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด (สก.ขก.) พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ผู้จัดการฯ รวม 14 คน ได้เดินหน้าเข้าพบร.ต.อ.สิงหา หงษ์อ่อน รองสว.(สอบสวน) พนักงานสอบสวนเวรฯ ประจำสภ.เมือง ขอนแก่น เพื่อแจ้งความดำเนินคดี ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล ประธานชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นและพวก ฐานหมิ่นประมาท กรณีกล่าวหาว่า คณะกรรมการฯปกปิดข้อมูลจำนวนเงินที่หายไปจากสหกรณ์ออมทรัพย์จำนวน 1,175 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นความจริง ก่อให้เกิดความเสียหายกับสหกรณ์โดยพนักงานสอบสวนได้นัดให้มาให้ปากคำในวันที่ 17พ.ค.2563 เวลา 10.00 น.
ลิ้งก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากนั้น ดร.อนุศาสตร์ พร้อมด้วยคณะฯได้เดินทางกลับไปที่สำนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเรื่อง“ข้อเท็จจริงบัญชีเงินฝากประจำธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนดินแดง เลขที่บัญชี 144-101918-9” ว่า ตามที่ ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล นายไพทูรย์ พิมพ์ทอง นายอุดม สงวนชม ดร.จิรพงษ์ ไชยยศ ได้ร่วมกันเผยแพร่ข่าวข้อมูลต่อสื่อมวลชน “อีสานบิซ” กล่าวหาคณะกรรมการฯ ชุดปี 2562 ต่อเนื่องปี 2563 ว่าร่วมกันปกปิดซ่อนข้อเท็จจริงพยานหลักฐานด้านการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ขอนแก่น จำกัด
คราวประชุมวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ว่าเงินสหกรณ์หายเป็นจำนวนกว่า 1,175 ล้านบาท แต่นำเสนอว่ามีเงินไปเพียง 396 ล้านบาท มิได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สหกรณ์ ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ มวลสมาชิกโดยทำเรื่องให้นายทะเบียนให้คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น พ้นจากตำแหน่ง เป็นการกล่าวหาที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัดและคณะกรรมการดำเนินการอย่างร้ายแรง
ข้อมูลที่ทางชมรมฯได้จากการไปขอคัดคำฟ้องศาลที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ดำเนินการฟ้องไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 แล้วนำมาตีแผ่ในสื่อมวลชนด้วยมารยาทคดีอยู่ระหว่างดำเนินการเขาจะไม่กระทำกันจะทำให้เสียรูปคดีและก้าวล่วงการทำงานของเจ้าพนักงานและทนายความ
คณะกรรมการดำเนินการเมื่อคราว ประชุมวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ได้มีมติให้ชี้แจงทำความเข้าใจข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้องแก่สมาชิกและสื่อมวลชน โดยมีรายละเอียดลำดับขั้นตอนการติดตามบัญชีเงินฝากประจำธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) สาขาถนนดินแดงเลขที่บัญชี 144101918-9 ดังนี้
19 ตุลาคม 2562 ที่ประชุมใหญ่วิสามัญที่ จ.หนองคาย ได้มอบภารกิจให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเงินฝากประจำหายไปกว่า 400 ล้านจริงหรือไม่
24 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รายงานภายใน 7 วัน
5 พฤศจิกายน 2562 ชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ยื่นขอเปิดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รายงานคณะกรรมการดำเนินการทราบและขยายเวลาในการตรวจสอบคณะกรรมการมีมติให้ ขยายเวลาออกไปถึง 30 พฤศจิกายน 2562 และมีมติให้ทำหนังสือขอ Statement จากธนาคาร
8 พฤศจิกายน 2562 ทำหนังสือขอ Statement จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)
18 พฤศจิกายน 2562 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)แจ้งกลับไม่สามารถให้ Statement ได้ต้องให้ผู้มีอำนาจกระทำการในสมุดคู่ฝาก 3 ใน 4 คนลงชื่อยื่นขอ Statement คณะกรรมการดำเนินการเดินทางไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาเทสโก โลตัสเอ๊กซ์ตร้าเพื่อขอปรับสมุดคู่ฝากและขอ statement แต่ไม่สามารถดำเนินการได้
21 พฤศจิกายน 2562 คณะกรรมการดำเนินการมีมติมอบคณะทำงานขอใบเปลี่ยนแปลงลายมือชื่อและขอ Statement จากธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ กทม.
25 พฤศจิกายน 2562 คณะกรรมการที่ได้รับมอบหมาย ลงไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) สาขาถนนดินแดน กทม. และได้รับ Statement
ในเบื้องต้นคณะกรรมการฯได้ทราบข้อมูลจาก Statement เท่านั้นยังไม่ได้รายละเอียดการเบิกถอน สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด จึงมีหนังสือที่ สอ.คขก.1898/2562 ลว.25 พฤศจิกายน 2562 เพื่อขอรายละเอียดในบัญชีเงินฝากประจำเลขที่ 144-101918-9 จำนวน 11 รายการ เมื่อได้เฉพาะข้อมูลจาก Statement จึงตรวจสอบจาก Statement ที่ได้รับ
ปรากฏว่าเงินคงเหลือจริง 79,714.16 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ คณะกรรมการฯได้ดูเอกสารการประชุมคณะกรรมการดำเนินการครั้งที่ 31/2562 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งระบุยอดเงินฝากประจำธนาคารดังกล่าว จำนวน 431,941,784.59 บาทประกอบกับสมุดคู่ฝากมียอดปรากฏ จำนวน 431,941,784.59 บาท ซึ่งเป็นข้อมูลในการสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเงินหายไป จำนวน 431,862,070 บาท(431,941,784.59 – 79,714.16 = 431,862,070)
ดังนั้น จากข้อสันนิษฐานเบื้องต้นตรงนี้ถ้าตัวเลขไม่เป็นจริงจากเอกสารการประชุมกับสมุดคู่ฝากจะเป็นข้อหาทำเอกสารอันเป็นเท็จหรือปลอมแปลงเอกสาร
27 พฤศจิกายน 2562 คณะกรรมการนำ statement ที่ได้รับมาพิจารณาดำเนินการตรวจสอบมีมติตามข้อบังคับที่ 104 ร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกำหนดการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น (ไคซ์) ถนนมิตรภาพ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
4 ธันวาคม 2562 ที่ประชุมใหญ่วิสามัญนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงตาม Statement เพราะยังไม่ได้รับเอกสารการเบิก ถอนจากธนาคาร โดยนำข้อมูลที่คณะกรรมการอนุมัติให้ร้องทุกข์ตามข้อบังคับที่ 104 เสนอที่ประชุมคือเงินคงเหลือจริง 79,714.16 บาท ข้อมูลจากเอกสารการประชุมคณะกรรมการดำเนินการครั้งที่ 31 /2562 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ซึ่ง ระบุยอดเงินฝากประจำธนาคารดังกล่าว จำนวน 431,941,784.59 บาทประกอบกับสมุดคู่ฝากมียอดปรากฏจำนวน 431,941,784.59 บาท ซึ่งเป็นข้อมูลในการสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเงินหายไป จำนวน 431,862,070 บาท (431,941,784.59 – 79,714.16 = 431,862,070)
ดังนั้น ในวันประชุมใหญ่วิสามัญคณะกรรมการยังไม่ได้รับเอกสารการเบิกถอนแต่อย่างใด การที่ชมรมฯอ้างว่าไม่นำรายละเอียดการเบิกถอนตามที่ชมรมให้ข่าว ว่าปกปิดซุกซ่อนข้อเท็จจริง จึงเป็นกล่าวหาลอยๆ ไม่มีข้อมูลชัดเจน ทำให้คณะกรรมการดำเนินการได้รับความเสียหาย
6 ธันวาคม 2562 คณะกรรมการดำเนินการ เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อ DSI
8 ธันวาคม 2562 คณะกรรมการดำเนินการ เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อสภ.เมืองขอนแก่น
12 ธันวาคม 2562 ประธานคณะกรรมการดำเนินการ ตัวแทนไตรภาคี เดินทางไปรับเอกสารใบเบิกถอนที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จ กัด (มหาชน) สาขาเทสโก โลตัสเอ๊กซต้า ซึ่งได้รับมาแค่ 2 รายการ คือ รายการเบิกถอนวันที่ 16/08/11 ยอดเงิน 296,000,000.00 บาทและ รายการเบิก ถอนวันที่ 16/08/11 ยอดเงิน 100,000,000.00 บาท ถึงทราบบุคคลที่เบิกถอนคือ นายเอกราช ช่างเหลา นายนพรัตน์ สร้างนานอก นายสมศักดิ์ โคตรวงศ์ แล้วโอนเข้าบัญชี นายเอกราช ช่างเหลา และมอบผู้จัดการตรวจสอบว่ามีการโอนเงินยอดนี้กลับเข้ามาบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด สาขามอดินแดงหรือไม่ จากการตรวจสอบไม่มีรายการโอนกลับเข้าบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัดแต่อย่างใด
17 ธันวาคม 2562 คณะกรรมการมอบให้ทนายความนำเอกสารที่ได้รับจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)สาขาถนนดินแดง จำนวน 2 รายการส่งให้ สภ.เมืองขอนแก่นและระบุตัวผู้กระทำความผิด
20 ธันวาคม 2562 คณะกรรมการดำเนินการได้รับเอกสารทั้งหมดในส่วนที่เหลือจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนดินแดง และประชุมพิจารณา มอบผู้จัดการตรวจสอบเมื่อมีการ เบิกถอนเงินจากบัญชีแล้วมีการโอนกลับเข้าบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด สาขามอดินแดงหรือไม่ และได้มอบเอกสารทั้งหมดให้ทนายความดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป ซึ่งทาง สภ.เมืองขอนแก่นได้รับเอกสารทั้งหมด เรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการทางคดี
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางคดีคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ ติดตามทางคดีเป็นระยะมีหลักฐานเป็นหนังสืออ้างอิงได้อย่างชัดเจนการที่ชมรมฯกล่าวหาว่าละเลยในการ ติดตามคดี จึงเป็นการกล่าวหาลอยๆ คณะกรรมการดำเนินการต้องขอขอบคุณคณะทีมนายตำรวจ สภ.เมือง ขอนแก่น ที่ได้เอาใจใส่เป็นอย่างดียิ่ง เนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญต้องรอบคอบในการรวบรวม พยานหลักฐาน ระยะเวลาล่วงเลยมาสักพักเราจึงขอให้ทนายฟ้องศาลโดยตรง ในวันที่ 17 เมษายน 2563 โดย ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 3 สิงหาคม 2563 ควบคู่ไปกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง ขอนแก่น
ปัจจุบันเรื่องอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี คณะกรรมการดำเนินการจึงขอเรียนข้อเท็จจริงเบื้องต้น ให้ สมาชิกทราบว่าคณะกรรมการดำเนินการมีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจในการแก้ปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ปล่อยปละละเลยหรือไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามที่ชมรมฯกล่าวหา และขอยืนยันว่ายอดเงินที่หายไปจากบัญชีเงิน ฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนดินแดง กทม บัญชีเลขที่ 144-101918-9 ไม่ใช่ยอด 1,175 ล้านบาทดังที่ชมรมให้ข่าวแต่อย่างใด เพราะชมรมมีข้อมูลเฉพาะใบเบิกถอน แต่หลักฐานการโอนกลับมาบัญชีของ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด สาขามอดินแดงชมรมไม่มีหลักฐาน
หลังจากมีการตรวจสอบเอกสารที่มีทั้งหมดจำนวนเงินที่ถูกประทุษร้ายไปจริงจำนวน 405 ล้านบาท (ไม่ได้คำนวณดอกเบี้ย)แต่คณะกรรมการดำเนินการร้องทุกข์ไปจำนวน 431 ล้านบาท (431,862,070 บาท) จึงเป็นตัวเลขกรณีลูกหนี้ เงินสดขาดบัญชีโดยยึดข้อมูลเบื้องต้นที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งใกล้เคียงกับการตรวจสอบเมื่อได้เอกสารมาครบ จากทางธนาคาร
จริงๆคณะกรรมการไม่อยากก้าวล่วงเพราะอยู่ในระหว่างการดำเนินการทางคดี แต่จำเป็นต้องนำข้อมูลที่ถูกต้องเรียนมายังสมาชิกทุกท่านด้วยความเคารพ ขอให้สมาชิกทุกท่านได้เชื่อมั่นในการ ทำงานของคณะกรรมการ ขอรับรองว่าการดำเนินการทางคดีตามกฎหมายต้องได้ทรัพย์สินของสหกรณ์ฯเราที่ ถูกประทุษร้ายไปได้กลับคืนมาอย่างแน่นอน
ด้วยความหวังดีของชมรมฯกลับเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรทันที คือ คณะกรรมการได้ติดต่อกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งและได้รับอนุมัติให้กู้เงินจำนวน 200 ล้านและได้โอนเงิน เข้าบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัดเรียบร้อยแล้ว พอชมรมฯให้ข่าวทางสื่อมวลชนและ สื่อคอมพิวเตอร์ว่าเงินหาย 1,175 ล้านบาท สถาบันการเงินนั้นโอนกลับทันที มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด เสียหายอย่างร้ายแรง
ขอร้องให้พวกเรามาช่วยกันคิดวางแผนพัฒนาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัดให้เกิดความก้าวหน้า เป็นที่เชื่อถือของสถาบันการเงินต่างๆที่เป็นพันธมิตรกับเราและหาวิธีการช่วยเหลือสมาชิกเราทุกคนให้อยู่ดีมีสุข ตามอุดมการณ์สหกรณ์
ขอให้ความมั่นใจกับมวลสมาชิกว่า สหกรณ์ฯ ขอเรามีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เพื่อเป็นที่พึงของ มวลสมาชิกสืบไป ปัจจุบันการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัดดำเนินไปอย่างปกติอย่าหวั่นวิตกกับข่าวลือดังกล่าว และคณะกรรมการดำเนินการได้มีหนังสือชี้แจ้งนายทะเบียนและสถาบันการเงิน ต่างๆเพื่อให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง
ด้าน ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล ประธานชมรมสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนสมาชิกซึ่งเป็นเจ้าของสหกรณ์ฯและกรรมการฯมีฐานะเป็นนิติบุคคลผู้ทำการแทนสหกรณ์ เรามีข้อสงสัยว่ามีการเงินออกไปจากบัญชีจำนวนเท่าไหร่ เบิกจ่ายอย่างไร เราย่อมมีสิทธิ์ที่จะรู้
“หากว่าไม่มีคำฟ้องปรากฏออกมา คณะกรรมการฯก็จะไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่องนี้ให้สมาชิกและสาธารณชนได้รับทราบ การไปคณะกรรมการสหกรณ์ฯไปแจ้งความเอาผิดตนในฐานะนายจ้างเป็นเรื่องผิดปกติของลูกจ้าง”ดร.วิศร์กล่าวและว่า
คำถามจากสมาชิกผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสหกรณ์อยากรู้ว่าจำนวนเงินที่เสียหายไปเป็นจำนวนเท่าใด และทำอย่างไรถึงจะได้คืน ซึ่งการออกมาแถลงของประธานกรรมการฯ ประเด็นอยู่ที่เงินจำนวน 1,175 ล้านบาทหายจริงหรือไม่จริง มีพิรุธที่น่าสงสัยหลายประการ
ดร.วิศร์กล่าวว่า ทำไมสหกรณ์ฯต้องไปเปิดบัญชีเงินฝากประจำนอกพื้นที่คือ เขตดินแดง กทม.เพราะก่อนหน้าปี 2553 สหกรณ์ฯมีบัญชีเงินฝากเพียงสองบัญชีในเขตพื้นที่ขอนแก่นก็สามารถทำธุรกรรมได้ตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เงินสหกรณ์ที่นำไปฝากและถอนผ่านบัญชีทั้งหมดกี่ครั้งเป็นเงินจำนวนเท่าใด แต่ละครั้งนำไปจ่ายเป็นค่าอะไร ทำไมกรรมการชุดปัจจุบันไม่สรุปข้อเท็จจริงให้สมาชิกทราบเป็นทางการ มิใช่ออกมาแก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ
“เงินจำนวน 1,175 ล้านบาทมีพยานเอกสารที่ปรากฏในสำนวนฟ้องว่าได้ถูกเบิกถอนออกไปจากบัญชีเงินฝากของสหกรณ์นำไปเข้าบัญชีส่วนตัวของนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ .ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการและเจ้าหน้าที่คนใกล้ชิด เป็นเรื่องปกติหรือผิดปกติเมื่อมีการเอาเงินออกไป”ดร.วิศร์กล่าวและว่า
ตนอยากรู้ว่าเมื่อมีการนำเงินออกไปจากบัญชีแล้วไปเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วบอกว่าได้นำเอากลับมามาคืนแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็ย่อมหมายความว่า ความผิดได้สำเร็จแล้ว แม้จะเอาเงินมาคืนก็ตาม
ดร.วิศร์กล่าวอีกว่า เงินสดถือเป็นทรัพย์สินหมุนเวียนของสหกรณ์ฯหากนำไปให้สมาชิกกู้หรือฝากไว้ย่อมเกิดประโยชน์ทุกนาที การแถลงว่ามีหลักฐานการฝากโอนคืนแล้วไม่ผิดเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้กระทำผิดหรือไม่ และการอ้างว่าสถาบันการเงินไม่ให้กู้เงินเป็นเพราะสมาชิกออกมาเคลื่อนไหวนั้นไม่จริง เพราะผู้กระทำการแทนสหกรณ์ซึ่งเป็นนิติบุคคลคือ กรรมการและผู้จัดการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสมาชิกแต่อย่างใด เรื่องนี้จึงน่าจะเป็นการแจ้งความแก้เกี้ยวมากกว่า