เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 6 มกราคม 2566 ร.ต.อ.วรวิทย์ ซุยลา รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทองว่า มีเหตุคนร้ายงัดสำนักงานบริษัท ดีอี เอ็นจิเนียร์ริงแอร์เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 200/235 ม.5 ถ.รอบเมือง ต.สามพร้าว มีทรัพย์สินหายไปหลายรายการ จึงพร้อมด้วย พ.ต.ต.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี และตำรวจชุดสืบสวน รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พบนางสาวชุติญา เวียงแก้ว หรือเจ๊จอย อายุ 36 ปี เจ้าของบริษัทฯ นำตำรวจเข้าตรวจสอบบริเวณชั้นล่างที่เปิดเป็นสำนักงาน พบร่อรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน ก่อนขโมยแก้วกาแฟแบนดังของแท้ ชนิดเก็บความเย็นประมาณ 20 ใบ ราคาใบละ 1,000-1,500 บาท ที่เก็บสะสมไว้ในตู้โชว์ โดยแก้วกาแฟราคา 500 บาท จำนวน 3 ใบ ไม่ยอมลักเอาไปด้วย และกระเป๋ากีฬา กระเป๋าสะพายแบบหญิงแบรนด์เนม จำนวน 5 ใบ รวมราคาประมาณ 40,000 บาท ที่เก็บไว้ชั้นล่าง 3 ใบ และในห้องนอนบนชั้น 3 จำนวน 2 ใบ และไวน์แดงในตู้เย็นชั้นล่าง ราคา 7,000 บาท หายไป นอกจากนี้ยังพบกระป๋องเบียร์ที่คนร้ายขโมยเอามาดื่ม จำนวน 2 กระป๋อง จนหมดวางทิ้งไว้บนกำแพงราวลูกกรงบนกระถางต้นไม้หน้าห้องนอนชั้น 3 และพบถุงมือสีดำและกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลของคนร้ายทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
ตรวจสอบห้องน้ำชั้น 3 พบฝ้าเพดานถูกเปิดออก คาดว่าคนร้ายเปิดประตูเหล็กเลื่อนชั้นล่างห้องที่อยู่ติดกัน และไม่มีคนอยู่มานานนับปีถูกธนาคารยึด และประตูไม่ได้ล็อก จึงใช้เป็นช่องทางขึ้นมาปีนฝ้าเพดานข้ามมา ก่อนเปิดฝ้าเพดานห้อน้ำโรยตัวลงมาขโมยทรัพย์สินในเวลากลางคืน เนื่องจากไม่มีคนนอนเฝ้า และผู้เสียหายจะมาเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น และไม่นอนค้างคืนอยู่ที่บ้านหลังนี้มานานแล้ว และคาดว่าคนร้ายมาคนเดียว เนื่องจากพบรอยเท้าคนเพียง 1 คู่ เดินขึ้นลงตามบันไดบ้านทั้ง 3 ชั้น
สอบสวนนางสาวชุติญา เวียงแก้ว ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนซื้อบ้านหลังนี้มา 10 ปี ไม่เคยมีทรัพย์สินอะไรหายเลย ก่อนเกิดเหตุตนปิดบ้านที่เปิดเป็นสำนักงาน กลับไปร่วมฉลองปีใหม่กับครอบครัวที่ต่างอำเภอ และกลับมาเปิดสำนักงานช่วงสายวันนี้ พบว่าขาวของถูกรื้อค้นและหายไป จึงสำรวจตรวจสอบ พร้อมกับโทรสอบถามแม่บ้านที่มาทำความสะอาดทุกวันพฤหัสบดี จนมั่นใจว่ามีคนร้ายเข้ามาในบ้านขโมยทรัพย์สินดังกล่าวไป และไม่แน่ใจว่าคนร้ายจะขโมยชุดชั้นในตนไปด้วยหรือไม่ จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
“คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนอยู่แถวนี้ ไม่ใช่มืออาชีพ แต่มันเป็นนิสัยที่อยากได้ของคนอื่น และเขาคงรู้ว่าตอนกลางคืนไม่มีคนอยู่ จึงอาศัยจังหวะเข้ามาก่อเหตุอย่างใจเย็น เปิดตู้เย็นดื่มเบียร์ไป 2 กระป๋อง แถมยังขโมยเอาไวน์แดงขวดละ 7 พันบาท ที่ตนซื้อมาเก็บไว้เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมา และเคยบอกกับลูกว่าจะเอาไวน์กลับไปกินที่บ้านช่วงปีใหม่ แต่ก็มาถูกขโมยไปเสียก่อน รู้สึกเสียใจมากกว่าเสียดายทรัพย์สิน ที่บ้านของตนถูกคนร้ายเข้ามาก่อเหตุ เพราะเคยเห็นแต่ในข่าว ไม่คิดว่าจะมาโดนกับตัวเอง อยากฝากถึงคนร้ายว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีทุกคนก็ลำบากเหมือนกัน อยากกินเบียร์กินไวน์ก็มาขอกันดีๆ จะซื้อให้กิน ไม่ใช่มาทำอย่างนี้ และอยากเห็นหน้าคนร้ายมาก หากเจอหน้าจะขอหอมแก้มมันสักครั้ง”
นางชุติญาฯ เล่าต่อว่า รูปปั้นพญานาค5เศียรที่ตั้งอยู่ในอ่างหน้าบ้านมีเศียรพญานาคหัก คาดว่าคนร้ายน่าจะปีนลงมาจากชั้นสองแล้วอาจจะไปเหยีบทำให้รูปปั้นพญานาคคอหักไปหนึ่งเศียร ซึ่งรูปปั้นพญานาคตนได้มีหลวงปู่ที่ตนนับถือให้มาในวันที่เปิดออฟฟิศที่ทำงาน ตนรู้สึกเสียใจ เพราะสิ่งที่ตนเองนับถือ และเคารพบูชามาตั้งแต่เปิดออฟฟิศทำงาน
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายก่อเหตุน่ามีเพียงคนเดียวลงมือในช่วงกลางคืน เพราะรู้ว่าไม่คนนอนเฝ้า และรู้ความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน หลังจากนี้จะได้ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาเก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้าย เพื่อไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และชุดสืบสวนจะได้ตรวจสอบกล้อวงจรปิดระแหวกไกล้เคียง เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามตัวคนร้ายและของกลางมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป…….