“เด่นพงษ์” แจงปมร้องเรียนการสรรหาอธิการฯ มข.

สภามข.ยืนยัน กระบวนการสรรหาอธิการฯถูกต้อง เป็นไปตามข้อบังคับฯ ย้ำเป็นการสรรหาฯไม่ใช่เลือกตั้ง ผลคะแนนหยั่งเสียงไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข ระบุแจงผู้เข้าสู่กระบวนรับรู้และยอมรับเข้าร่วมก่อนการพิจารณา

เมื่อเร็วๆนี้ ผศ.ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และเลขานุการสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ออกมาแถลงความคืบหน้าการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นคนที่ 11 พร้อมกับชี้แจงถึงกระบวนการสรรหาอธิการบดีผ่านรายการเคเคยูชาเนลหลังมีบุคคลากรทำหนังสือร้องเรียนแสดงความห่วงกังวลเรื่องความโปร่งใสในการได้มาซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีว่า

มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐดำเนินกิจการภายใต้พระราชบัญญัติ พ.ศ. 2558 และเป็นหน่วยงานสำหรับคนไทยทุกคน มีสภามหาวิทยาลัยคอยกำกับดูแลการดำเนินกิจการต่างๆ และมีอธิการบดีเป็นผู้บริหารสูงสุดในการบริหาร

มีสัดส่วนกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มาจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด 29 คน ประกอบด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ได้มาจากการสรรหา สัดส่วนกรรมการโดยตำแหน่งประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานกรรมการส่งเสริม ประธานสภาพนักงาน นายกสมาคมศิษย์เก่า อธิการบดี ด้านสัดส่วนกรรมการประเภทผู้แทนที่ได้มาจากการเลือกตั้ง ได้แก่ ผู้แทนผู้บริหาร ผู้แทนคณาจารย์ ผู้แทนบุคคลากรสายสนับสนุนมีหน้าที่แต่งตั้งและถอดถอนอธิการบดี รองอธิการบดี รวมไปถึงหัวหน้าส่วนงานอื่นๆ เช่น คณบดี ผู้อำนวยการ ฯลฯ

ในเรื่องกระบวนการแต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นจะมีการดำเนินการออกข้อบังคับจากกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยเลือกใช้วิธีการสรรหา เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้นำสูงสุดขององค์กรและไม่ใช้วิธีการเลือกตั้ง

“ซึ่งในข้อบังคับกรรมการสภาฯจะกำหนดพันธกิจและทิศทางการบริหารงาน หรือเปรียบเหมือนทีโออาร์ของอธิการบดีที่จะต้องทำอีก 4 ปีข้างหน้าในขณะดำรงตำแหน่ง” รองอธิการบดี กล่าวและว่า

กระบวนการถัดมาเป็นการแต่งตั้งกรรมการสรรหาฯ เพื่อเป็นคณะทำงานในการคัดกรองผู้ที่มีความเหมาะสมไปนำเสนอรายชื่อต่อสภามหาวิทยาลัยไม่เกิน 3 คน และต้องเป็นผู้ที่สามารถตอบโจทย์พันธกิจและทิศทางการบริหารงานได้ดังที่สภามหาวิทยาลัยต้องการมากที่สุด

ทว่ากรรมการสรรหาฯจะไม่มีอำนาจตัดสินว่าใครจะเป็นอธิการบดี หน้าที่หลักของกรรมการสรรหาฯจะดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อผู้ที่จะเข้าสู่กระบวนการสรรหา ซึ่งดำเนินการโดยให้ส่วนงานหรือหน่วยงานในมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นผู้เสนอชื่อ วิธีการนี้ชี้ให้เห็นว่ามิใช่เป็นการเลือกตั้งแต่เป็นการเสนอชื่อ

และในข้อบังคับได้ระบุไว้ว่าบุคลากรในส่วนงานหรือหน่วยงานของมหาวิทยาลัยจะต้องมีส่วนร่วมในการเสนอชื่อ จึงเลือกใช้วิธีการหยั่งเสียง พร้อมกับมีกรรมการเฉพาะส่วนงานที่จะเป็นผู้คัดกรองรายชื่ออีกชั้นหนึ่งก่อนจะเสนอชื่อให้กรรมการสรรหาฯ

“ซึ่งในการสรรหาอธิการบดีคนที่ 11 มีการเสนอชื่อเข้ามา 5 รายชื่อ 1.รศ.ดร.กุลธิดา ท้วมสุข 2.ศ.ดร.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร 3.ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล 4.ศ.นพ.บวรศิลป์ เชาวน์ชื่น 5.รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุลและทั้ง 5 รายชื่อได้ตอบรับเข้าสู่กระบวนการสรรหาตลอดจนยอมรับการดำเนินการภายใต้ข้อบังคับที่ออกเป็นประกาศมาก่อนหน้าขั้นตอนการหยั่งเสียง และในข้อบังคับดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจะไม่นำคะแนนผลการหยั่งเสียงมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา”

โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาให้คะแนนส่วนสำคัญจะมาจากโจทย์ของพันธกิจที่สภามหาวิทยาลัยกำหนดไว้ พร้อมกับพิจารณาศักยภาพของผู้ที่เข้ารับการสรรหาว่าจะสามารถดำเนินงานตามที่สภามหาวิทยาลัยต้องการได้หรือไม่

“คณะกรรมการสรรหาฯได้มีการพูดคุยกันล่วงหน้าถึงแนวทางการให้คะแนนว่าช่วงของการให้คะแนนทั้ง 5 ท่านที่ถูกทาบทามและเสนอชื่อ ไม่ควรต่ำกว่า 50 คะแนน หรือครึ่งหนึ่ง ส่วนรายละเอียดการให้คะแนนอื่นๆให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และลงคะแนนอย่างรอบครอบ แล้วคัดเลือกผู้ที่คะแนนสูงที่ 3 คน ส่งต่อไปให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยพิจารณา แต่จะส่งรายชื่อเรียงตามตัวอักษรไม่ใช่เรียงตามคะแนน”

รองอธิการฯ กล่าวต่อว่า จากความสับสนและความห่วงกังวลของบุคคลากรเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหา สภามหาวิทยาลัยจึงได้ทำการตรวจสอบความโปร่งใสกระบวนการพิจารณาพร้อมกับยืนยันถึงวิธีการได้มาซึ่งรายชื่อ 3 คน คือ 1.รศ.ดร.กุลธิดา ท้วมสุข 2.รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล 3.ศ.ศุภชัย ปทุมนากุล นั้นเป็นไปอย่างถูกต้องทุกประการตามข้อบังคับ

“สภามหาวิทยาลัยจึงเห็นชอบให้ดำเนินการในขั้นสุดท้ายเพื่อตัดสินว่าท่านใดจะได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนที่ 11 ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 โดยผู้ที่ได้ผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาฯทั้ง 3 คน จะต้องนำเสนอแผนและยุทธศาสตร์การดำเนินงานเป็นเอกสารให้สภามหาวิทยาลัยพิจารณาก่อน ในวันที่ 2 ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะมีเวลาคนละ 30 นาที นำเสนอ หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการซักถามไม่เกิน 2 คำถาม โดยนายกสภามหาวิทยาลัยจะเป็นผู้รอบรวมคำถามจากรรมการ”

 

แสดงความคิดเห็น