“อ.ต.ก.” ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ จัด 2 บิ๊กโซนรองรับสินค้าเกษตรกร ผลไม้อินทรีย์พืชผักปลอดสารพิษ

ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก. ย่านพหลโยธิน เอาใจคนรักสุขภาพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ถึง  2  โซน คือ จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ และจำหน่ายสินค้าปลอดภัย โดยเฉพาะผลไม้มีให้เลือกมากมาย ทั้งมะม่วง ทุเรียน มังคุด ฝรั่ง ส้มโอ มะพร้าวน้ำหอม กล้วย เสาวรส  รวมไปถึงพืชผักพื้นบ้าน ข้าวอินทรีย์หลากหลายสายพันธุ์ ไข่ไก่ออร์แกนิค  กะปิเคยออร์แกนิก น้ำผึ้งอินทรีย์เดือนห้า สินค้าแปรรูปจากกระบวนการธรรมชาติ ฯลฯ โดยเกษตรกรผู้ผลิตยืนยันปลอดสารพิษ 100 %

        ใครที่ชื่นชอบผลไม้ อยากอร่อยได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้าง อยากชวนให้ลองแวะเวียนมาที่ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก. อีกหนึ่งทางเลือกในการเข้าถึงผลผลิตเกษตรอินทรีย์คุณภาพ ส่งตรงจากสวนเกษตรกรสู่ผู้บริโภค

        ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก.ที่นี่ถือเป็นตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบถาวรแห่งแรกในประเทศไทยที่เปิดซื้อขายทุกวัน ไม่มีวันหยุด เริ่มเปิดตลาดเมื่อปี 2560 ภายใต้การริเริ่มและผลักดันโดย กมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรในระบบอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อชีวิตเกษตรกรและผู้บริโภค และสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้นำผลิตผลที่ปลอดภัยและมีคุณภาพมาจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

        กมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวว่า “อ.ต.ก. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และได้ดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลในการปฏิรูปและพัฒนาทางด้านภาคการเกษตร โดยเล็งเห็นความสำคัญและสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบปลอดภัย ทั้งยังคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและผู้บริโภค จึงได้เปิด “ตลาดเกษตรอินทรีย์” Organic Market ให้เป็นตลาดสำหรับเกษตรกรจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์คุณภาพปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยเป็นทั้งศูนย์กลางการกระจายสินค้าเกษตรอินทรีย์ และยังเป็นตลาดเกษตรอินทรีย์สำหรับเกษตรกร ที่จัดจำหน่ายโดยเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการด้านการเกษตร และดำเนินการจัดจำหน่ายทั้งปลีกและส่งในประเทศและต่างประเทศ

          ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก. ตั้งอยู่บริเวณข้างธนาคารกรุงไทย ภายในตลาด อ.ต.ก. ย่านพหลโยธิน เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึงเวลา 18.00 น. โดยแบ่งเป็น 2  โซน คือ การจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Sale of Organic Product) และการจำหน่ายสินค้าปลอดภัย (Sale of Food Safety)

        นอกจากสุขภาพที่ดีขึ้นของทั้งคนปลูกคนกินแล้ว ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก. ที่นี่ยังช่วยยกระดับสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรปรับตัวสู่การเป็นเกษตรกรยุคใหม่ที่ใช้ “การตลาดนำการผลิต”  โดย  อำไพ จันทน์เอียด เกษตรกร เจ้าของ“ไร่ 3ธ เกษตรสามเชิง” จ.ราชบุรี เล่าว่า ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก.ถือเป็นจุดเริ่มต้นและช่องทางแรกที่ให้โอกาสเราได้นำผลผลิตมาขายโดยตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพและกำลังซื้อในเมือง จากที่ล้มลุกคลุกคลานมาเป็นสิบปี ตั้งแต่ยุคที่คนไทยน้อยคนยังรู้จักกับคำว่าเกษตรอินทรีย์ วันนี้ สามารถยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง โดยมีหน้าร้านที่ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก.เป็นช่องทางหลักในการทำตลาด

        “เราเน้นทำไร่แบบผสมผสาน ปลูกแบบวิถีพอเพียงตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ผลผลิตของเราจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล มีทั้งพืชผักสวนครัว พืชผักเพื่อสุขภาพ สินค้าเด่นของเราจะเป็นหมามุ่ยอินเดีย ส่วนผลไม้ที่เด่นๆจะเป็นกล้วยหอม กล้วยน้ำว้าอินทรีย์ ซึ่งถ้าใครได้ลองชิม จะรู้ว่ารสชาติแตกต่างกัน

        เราพยายามให้ความรู้กับลูกค้าถึงความแตกต่างระหว่างเกษตรเคมีกับอินทรีย์ เคยมีลูกค้าเล่าว่า ลองซื้อสินค้าร้านเราแล้วเอาไปตรวจที่ห้องแล็บ ไม่พบสารตกค้าง ทำให้มั่นใจกลับมาเป็นลูกค้าประจำ” อำไพ เล่าด้วยความภูมิใจ

        ด้าน สุนทร ทิพย์ภักดี เกษตรกรเจ้าของสวนสุนทรออร์แกนิก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นสวนทุเรียนอินทรีย์แห่งแรกของเมืองไทย เล่าว่า  ปีนี้เป็นปีแรกที่เรามาขายที่ตลาด อ.ต.ก. กระแสตอบรับดีมาก ลูกค้าบางคนซื้อไปตอนเช้า ตอนเย็นกลับมาซื้อซ้ำ เขาบอกว่ากินแล้วรู้ทันทีว่าแตกต่าง ทุเรียนอินทรีย์ของเราจะหวานแบบธรรมชาติ ไม่หวานแหลมแบบทุเรียนเคมี ซึ่งกว่าจะได้ผลผลิตทุเรียนอินทรีย์ ปลอดสารพิษ 100% มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ Organic Thailand ต้องผ่านการตรวจแล้วตรวจอีกว่าไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิดในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า หรือฮอร์โมน รวมถึงปัจจัยการผลิตทั้งเรื่องดินและปุ๋ย โดยก่อนที่จะได้รับรองแปลงมาตรฐานอินทรีย์ ต้องผ่านการเว้นดินถึง 3 ปี เพื่อปรับปรุงดินให้เป็นดินอินทรีย์

        “การทำสวนทุเรียนอินทรีย์ ดูแลยากกว่าและมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่า ไม่เหมือนทุเรียนเคมีที่ควบคุมได้ทุกอย่าง จากที่เคยได้ผลผลิต 3 หมื่นกิโลกรัม พอมาทำแปลงมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ผลผลิตเราได้อยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นกิโลกรัม ตลอดฤดูกาลผลิตทั้งปี เราตั้งราคาจำหน่ายอยู่ที่ 350 บาทต่อกิโลกรัม ถ้าไปขายในท้องตลาดทั่วไป เราไม่สามารถแข่งขันได้เลย เพราะทุเรียนอินทรีย์ ราคาขายทั้งสูงกว่า รูปลักษณ์ก็ไม่สวยงาม การสุกไม่สม่ำเสมอทั้งลูกเพราะไม่ได้ใช้สารเร่งสุก ทุเรียนของเราต้องสุกพร้อมทานจึงจะอร่อย ต้องตัดที่เปอร์เซ็นต์ความสุก 90% ขึ้นไป ทำให้มีต้นทุนความถี่ต่อรอบในการตัดเพิ่มขึ้น” สุนทรเล่าถึงความยากลำบากในการทำสวนทุเรียนอินทรีย์ แต่ทำแล้วสุขใจ เพราะได้ส่งมอบทุเรียนที่ดีปลอดสารพิษให้กับผู้บริโภค

        สำหรับทุเรียนสดจากสวนสุนทรออร์แกนิกจะมีจำหน่ายตามฤดูกาลตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงต้นเดือน ต.ค. และในช่วงรอบเก็บตกผลผลิตนอกฤดูกาลเดือนมี.ค.-เม.ย. ถึงแม้ช่วงนี้จะหมดฤดูทุเรียนไปแล้ว แต่ที่นี่ยังเปิดเป็นร้าน Ortorkor Organic Drink ที่มีเครื่องดื่มให้บริการทุกวัน ทั้งกาแฟสดอินทรีย์ กาแฟทุเรียนอินทรีย์ ทุเรียนอินทรีย์ปั่น รวมถึงทุเรียนฟรีซดราย ทุเรียนอัดเม็ด ทุเรียนแปรรูปที่มีจำหน่ายตลอดทั้งปี

        อีกหนึ่งเสียงเกษตรกรในตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก. นารี ป้อมงาม ประธานกลุ่มวิสาหกิจเกษตรอินทรีย์บ้านใหม่  จ.นครปฐม ซึ่งนำผลผลิตอินทรีย์ทั้งฝรั่ง ส้มโอ มะพร้าวน้ำหอม และข้าวสารคุณภาพดีจากนครปฐม มาจำหน่าย บอกว่า ตลาดอินทรีย์ อ.ต.ก. เป็นช่องทางที่ช่วยเปิดโอกาสให้เกษตรกรอย่างเราได้มาจำหน่ายโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และได้มีโอกาสสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง บอกเล่าถึงเรื่องราววิถีเกษตรอินทรีย์ที่เราทำ ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จได้ผลผลิตเกษตรอินทรียอย่างวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการลองถูกลองผิดมาเป็นสิบปี โดยน้อมนำแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงพัฒนาดินมาเป็นแบบอย่าง

        ใครอยากได้ผลผลิตเกษตรอินทรีย์มีคุณภาพแวะเวียนมาอุดหนุนกันได้ รับรองไม่ผิดหวัง  ที่นี่มีผลไม้สดหลากหลายชนิดจากสวนของเกษตรกร ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนผลผลิตไปตามฤดูกาลมาให้เลือกซื้อกันได้ตลอดทั้งปี

        ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง ทุเรียน มังคุด ฝรั่ง ส้มโอ มะพร้าวน้ำหอม กล้วย เสาวรส  รวมไปถึงพืชผักพื้นบ้าน ข้าวอินทรีย์หลากหลายสายพันธุ์ ไข่ไก่ออร์แกนิค  กะปิเคยออร์แกนิก น้ำผึ้งอินทรีย์เดือนห้า สินค้าแปรรูปจากกระบวนการธรรมชาติ รวมถึงของขึ้นชื่อระดับ Best of Ortorkor อย่าง เห็ดแครง อ.ต.ก. ซึ่งสินค้าในตลาดสามารถตอบโจทย์ด้านความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพของตัวเองให้ดีขึ้น รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่ต้องการสินค้าออร์แกนิคคุณภาพสูงและสินค้าเฉพาะที่ไม่มีสารเคมี 100%

แสดงความคิดเห็น