ดร.อนุศาสตร์เมินคำสั่งสหกรณ์เพิกถอนมติที่ประชุม ไม่กันหนี้สูญ100%เดินหน้าแผน4ปีคุยไม่ใช่คนขี้ขลาด

ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ออกแถลงการณ์ถึงสมาชิก ไม่ให้วิตกกรณีสหกรณ์จังหวัด ในฐานะรองนายทะเบียนได้มีคำสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการและมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ยันจะเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยไม่กันเผื่อหนี้สูญเต็มจำนวน ตามข้อแนะนำของผู้สอบบัญชี เพราะหากทำตามจะส่งผลให้กำไรลดลงและกระทบกับยอดปันผลเฉลี่ยคืนสมาชิกคุยไม่ใช่คนขี้ขลาด

ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ถึงสมาชิกลงวันที่ 22 มี.ค.2563  โดยมีเนื้อหาโดยสรุประบุว่า โครงการสหกรณ์สัญจรพบสมาชิกและประชุมผู้แทนสมาชิกจะเดินหน้าต่อไปตามปฎิทินที่วางไว้ หลังจากกรณีไวรัสโคโลน่าทุเลาลงไป ซึ่งตนจะได้สื่อสารมายังสมาชิกเพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นเป็นระยะขอให้สมาชิกอย่าได้ตระหนกในคำสั่งของสหกรณ์จังหวัดในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ ที่เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2563

และคำสั่งรองนายทะเบียนสหกรณ์เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการฯ ซึ่งคณะกรรมการดำเนินการมีแผนในการทำงานเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสมาชิกโดยเฉพาะเรื่องปันผลเฉลี่ยคืนเด็ดขาด จริงๆสัญญานบอกเหตุดังกล่าวมีขึ้นก่อนการประชุมใหญ่สามัญวันที่ 13 ก.พ. แล้ว

สัญญาณบอกเหตุที่ว่าคืออะไร มูลเหตุข้อเท็จจริงกรณีที่เงินของสหกรณ์ถูกยักยอกทรัพย์หรือลักทรัพย์ไปจำนวน 431 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2554 แต่เมื่อทราบข้อเท็จจริงปิ 2562 ดังนั้นการตัดยอดเงินสดขาดบัญชีต้องดำเนินการในปี 2562 ผลประกอบการก็จะส่งผลกระทบต่อสมาชิกทันที ถ้าคณะกรรมการฯไม่กล้ารับผิดขอบ ไม่กล้าตัดสินใจ หรือไม่มีการวางแผนให้มีผลกระทบน้อยที่สุด

ดร.อนุศาสตร์ระบุว่า คณะกรรมการก็จะได้นำกำไรสุทธิที่ใด้รับหักลบด้วย 431 ล้านเหลือสุทธิเท่าไหร่ ก็นำมาปันผล เฉลี่ยคืน ถ้าทำตามนี้จะมีกำไรปันผลเฉลี่ยคืนอยู่ที่  694 ล้านบาท ปันผลจะอยู่ประมาณร้อยละ 3 ถ้าทำอย่างนี้ไครก็ทำได้ทำถูกต้องตามระเบียบ คณะกรรมการฯไม่ต้องรับผิดชอบแต่ผลกระทบเกิดขึ้นกับมวลสมาชิกและมิใช่ความผิดของสมาชิกและไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคณะกรรมการฯชุดปัจจุบัน

ดังนั้นคณะกรรมการฯชุดนี้จึงไม่ทำทุกคนมีความคิดว่าทำอย่างไรก็ได้ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินปันผล เฉลี่ยคืนมวลสมาชิก คณะกรรมการชุดนี้ไม่ขี้ขลาดไม่กลัวความผิดที่เกิดขึ้น จึงได้วางแผนทำงานดังนี้

1.ปฏิบัติตามแนวระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ว่าด้วยเงินสดขาดบัญชี ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร พ.ศ.2546 ข้อ 6 (1)

2.วันที่ 27 ม.ค. 2563 ให้ลูกหนี้เงินสดขาดบัญชี ทำหนังสือรับผิดชอบชดใช้เงินสดขาดบัญชีหากไม่สามารถชำระคืนได้ให้มาจัดทำหนังสือรับสภาพหนี้และจัดให้มีหลักทรัพย์ประกันจำนวนหนี้เงินสดขาดบัญชี ปรากฏว่านายเอกราชข่างหลา ได้มาจัดทำหนังสือรับสภาพหนี้ดังกส่าวพร้อมหลักประกันหนี้เป็นที่ดินจำนวน 202 ไร่ 2 งาน 84 ตารางวา ราคาประเมิน 169.710750.00 บาทและกำหนดชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6.75 บาทต่อปีให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2563

3.คณะกรรมการดำเนินการพิจารณาแล้วว่าหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่ครอบคลุมเงินสดขาดบัญชี ซึ่งยังขาดอยู่ 262.151,320.43 บาท จะส่งผลกระทบต่อสมาชิกจำนวนมากเมื่อมีการพิจารณาอนุมัติงบและแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาคทุน งบกระแสเงินสด ประจำปี 2562 (ถ้าตั้งค่าหนี้สงสัยเผื่อจะสูญ ครบทั้งจำนวน กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 894 ล้านบาท) แต่คณะกรรมการไม่ทำจึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ทำหนังสือขอผ่อนปรน การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสูญไปยังกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ตามหนังสือสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดที่ สอ.คขก.125/2563 ลงวันที่ 15 มกราคม 2563

4.กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีหนังสือแจ้งกลับมายังสหกรณ์ตามหนังสือที่ กษ 004/222 ลงวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2653 คณะกรรมการได้ปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าวและเสนอแผนขอผ่อนปรนตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ครอบคลุมวงเงินสดขาดบัญชี 262,151 320 .43 บาทภายในระยะเวลา 4 ปี โดยปีที่ 1 ขอตั้ง30 ล้านบาท ปีที่ 2 ขอตั้ง 50ล้านบาท ปีที่3 ขอตั้ง 80 ล้านบาทปีที่ 4 ขอตั้ง 100.151. 320.43 บาท และได้ทำหนังสือรายงานกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ตามหนังสือสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดที่สอ.กขก 324/2563 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีหนังสือแจ้งกลับมายังสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ตามหนังสือที่ กษ 0404/366 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์2563 รับทราบแผนดังกล่าว

5.วันที 5 ก.พ. 2563 นายวิวัฒน์ สุดาจิต ผู้สอบบัญขีสหกรณ์รายงานอย่างมีเงื่อนไขให้ตั้งค่าเผื่อหนี้จะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีครบทั้งจำนวนกำไรสุทธิอยู่ที่ 894 ล้านบาท แต่ที่ประชุมคณะกรรมการฯมีมติตามที่ได้ทำแผนขอผ่อนปรนไป 4 ปี โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีเพียง 30 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท และกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563

6.นายวิวัฒน์ สุดาจิต รายงานนายทะเบียน นายทะเบียนสั่งการเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2563 ให้คณะกรรมการฯแก้ไขขัอบกพร่องโดยให้นำยอดกำไรสุทธิ 894 ล้านบาท นำเสนอที่ประชุมใหญ่ (นี้คือสัญญาณบอกเหตุทั้งแต่ตันเมื่อชมรมสมาชิกสหกรณ์รัองกรณีดังกล่าวนายทะเบียนก็ทำทันทีกลัวม.157)

7.วันที่ 12 ก.พ. 2563 คณะกรรมการดำเนินการมีมติยืนยันตามมติเดิมที่ได้ทำแผนขอผ่อนปรนไป 4 ปี โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีเพียง 30 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท

8.13 ก.พ. 2563 ประชุมใหญ่สามัญประจำปี มติที่ประชุมใหญ่โดยผู้แทนสมาชิกได้ทำแผนขอผ่อนปรนไป 4 ปี ตระหนักและมองเห็นผลกระทบที่จะเกิดกับสมาชิกจึงมีมติตามที่คณะกรรมกรเสนอตามที่ได้ทำแผนขอผ่อนปรนไป 4ปี โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีเพียง 30 ล้านบาทกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท จึงนำไปสู่การจัดสรรกำไรสุทธิในยอดดังกล่าว

จะเห็นว่าทั้งคณะกรรมการดำเนินงานและผู้แทนสมาชิทุกคนมีเป้าหมายที่ตรงกันคือ จะต้องไม่ให้มีผลกระทบต่อมวลสมาชิกเรื่องการปันผล เฉลี่ยคืน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิใช่ความผิดของมวลสมาชิกจึงเรียนสมาชิกทุกท่านรับทราบข้อมูลที่แท้จริง และปัจจุบันสหกรณ์เรายังเดินหน้าปกติไม่มีผลกระทบอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่ปรากฏเห็นชัดว่า สหกรณ์เรามีความเชื่อมั่นและเป็นศรัทธาของมวลสมาชิกคือการมาฝากเงินแลซื้อหุ้นมากเพิ้มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้โทรศัพท์และLine มาส่วนตัวที่ให้กำลังใจและกล้าทำเพื่อสมาชิก ถือเป็นกำลังใจที่ผมจะเดินหน้าทำเพื่อสมาชิกต่อไป คณะกรรมการฯมีโครงการต่างๆมากมายช่วงนี้ที่จะทำเพื่อสมาชิกตามอุดมการณ์ของสหกรณ์ พวกเราจะอยู่เคียงมวลสมาชิกเพื่อให้สมาชิกสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ขอให้สมาชิกทุกท่านได้สบายใจและไม่ต้องหวั่นวิตกใดใดทั้งสิ้น มีกลุ่มบางกลุ่มที่บอกว่า คณะกรรมการจะดื้อดึงไปทำไม มีกฎหมายระเบียบชัดเจนทำไมไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ไม่รู้กลุ่มเหล่านั้นใช้สมองส่วนใดคิด ถ้าทำตามที่กลุ่มเหล่านั้นพูดผลกระทบจะตกกับมวลสมาชิก ทันทีตนจะทำเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นกรณีศึกษาของสหกรณ์ทั่วไปได้อ้างอิงในอนาคต

                                                                        …………………….

แสดงความคิดเห็น