ขอนแก่นพบผู้ป่วยโควิด-19 รายที่5 วัย63ปี คาดติดเชื้อจากลูกชาย

เมื่อวันที่ 14 เม.ย.63 ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายที่ 5 ของจังหวัดขอนแก่น

นายแพทย์ สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์ สสจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เราทราบผลตอนเวลา 21.00 น. ของวันที่ 13 เม.ย. 63 ที่ผ่านมาเบื้องต้นที่ทราบว่าผู้ป่วยรายนี้เป็นคนในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น  และไม่ได้เดินทางไปไหนมาไหน แต่ที่น่าสังเกตก็คือมีลูกชายที่เดินทางมาจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาหลังจากที่เราได้ซักประวัติ ลูกชาย ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่ 3 (สาวประเภท2) ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศบาห์เรนกับเพื่อน 3 คน โดยเพื่อนตรวจสุขภาพไม่ผ่าน 2 คน แต่ตัวลูกชายของผู้ป่วยตรวจผ่านจึงได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยและเดินทางถึงที่บ้านเกิดวันที่ 28 ก.พ.2563 และมีการกักตัวตามมาตรการการป้องกัน

กระทั่งต่อมาวันที่ 6 มี.ค.2563 ตัวลูกชายผู้ป่วยเดินทางไปพัทยาและเดินทางกลับบ้านในวันที่ 18 มี.ค.2563 และกักตัวอีกครั้งจนครบ 14 วัน และไม่มีอาการใดๆ กระทั่งวันที่ 1 เม.ย.2563 ผู้เป็นแม่ คือคุณยายรายที่ 5 มีอาการเริ่มต้นจึงเดินทางมารับบริการที่ รพ.สต.กุดน้ำใส ด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัว มีน้ำมูกใส และได้ให้ประวัติกับแพทย์ว่าลูกชายเพิ่งกลับมาจากประเทศบาห์เรน เมื่อวันที่ 28 ก.พ. และตรวจโรคผ่านแล้ว แพทย์จึงให้ยาตามอาการ แต่อาการไม่ดีขึ้นจึง ผู้ป่วยมีไข้ จึงไปพบแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่งในตลาดน้ำพองในวันที่ 5 เม.ย.2563 ซึ่งรับประทานยาต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 8 เม.ย. อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงเดินทางแอดมิดที่โรงพยาบาลน้ำพอง ด้วยไข้ อ่อนเพลีย หายใจไม่สะดวก มีปอดอักเสบ บวกกับคนไข้มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลน้ำพองจนถึงวันที่ 13 เม.ย.2563 ก่อนจะส่งตัวรักษาต่อที่ รพ.ขอนแก่น

กรณีที่เราเป็นห่วงที่สุดคือ ผู้สูงอายุ กับผู้ที่มีภาวะโรคประจำตัว เรื้อรัง ซึ่งตัวคุณยายมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน  ความดัน ซึ่งประวัติดังกล่าวนี้เป็นเพียงเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่จะต้องมีการสอบสวนโรคต่ออีกเนื่องจากยังไม่ชัดเจนทั้งหมด โดยในช่วงไทม์ไลน์นั้นจะต้องมีการสอบสวนโรคอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า ในทั้งหมด5ราย คุณยายหนักที่สุด เชื้อได้ทำลายปอดไปมากกว่าครึ่ง และใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะคุณป้าหายใจด้วยตัวเองไม่ได้ ปอดมีการอักเสบ พักรักษาตัวอยู่ในห้องความดันลบของโรงพยาบาลขอนแก่นโดยมีแพทย์ให้การรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งในส่วนไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายที่ 5 ว่า เราอาจจะถูกหลอกให้เข้าว่าว่าผู้ป่วยรายนี้ติดจากลูกที่กลับมาจากบาห์เรน เพราะว่าลูกกลับมาจากบาห์เรนนานเกิน 1 เดือน ทางการสืบสวนโรคเราจึงตัดประเด็นนี้ทิ้งไป และเราเชื่อว่าจะติดเชื้อมาจากที่ลูกเดินทางกลับมาจากพัทยา ซึ่งพัทยาก็มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ซึ่งจากการสอบสวนโรคจากตัวผู้ป่วยทำให้ข้อมูลในส่วนนี้หายไปเพราะแม่ไม่ทราบว่าลูกไปพัทยาต่อ และได้สอบสวนโรคจากตัวลูกของผู้ป่วยทราบว่า หลังจากกลับจากพัทยามีอาการไข้หวัดแต่อาการไม่หนักและทานยาเองจนหาย ทั้งนี้ซึ่งคนที่มีเชื้อในตัวอาจจะไม่แสดงอาการ บางรายคนหนุ่มอาจจะเป็นไม่หนักและอาจจะหายแล้วเหมือนเช่นลูกของผู้ป่วยที่นำเชื้อมาแพร่ แต่ในช่วงที่มานั้นอาจมีการแพร่เชื้อก่อนหน้านั้น พอเชื้อแพร่มาถึงแม่ซึ่งเป็นผู้ที่อายุเยอะและมีโรคประจำตัว ทำให้เชื้อแพร่ได้อย่างรวดเร็วและแสดงอาการหนัก

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ผู้ป่วยรายที่ 5 นี้ถือว่าเป็นอุทาหรณ์อย่างชัดเจนซึ่งสอดคล้องกับมาตรการข้อห้ามของทางจังหวัดที่ขอให้ทุกคนงดจัดงานที่มีการรวมตัวสัมผัสใกล้ชิดกัน หรือกิจกรรมที่มีการแสดงความรักกันในครอบครัว ขอให้ทุกคนพึงตระหนักถึงผู้ป่วยรายที่ว่า คนในครอบครัวทุกคนเหมือนจะสุขภาพดี แต่ก็ไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าปลอดเชื้อหรือไม่ ทำให้บุพการีที่มีความเสี่ยงต่อโรคทั้งเรื่องของวัย ทั้งเรื่องของโรคประจำตัวของผู้สูงอายุ ภูมิต้านทานโรคของร่างกายผู้สูงอายุก็ต่ำทำให้เชื้อลุกลามได้อย่างรวดเร็วและแสดงอาการทันที เพราะฉะนั้นแล้วขอให้ทุกๆคนปฏิบัติตามมาตรการของทางจังหวัดที่มีการประกาศออกมาอย่างเคร่งครัดและในวันนี้จะมีการประชุมด่วนเพื่อยกระดับการป้องกันโรคเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะการปกปิดข้อมูลทางจังหวัดจะเพิ่มการเข้มงวดเพิ่มขึ้นอีก//

 

 

แสดงความคิดเห็น