แพทย์เผยอาการล่าสุด!ยายติดเชื้อโควิด-19รายที่5อาการดีขึ้นมาก คาด1-2วันถอดเครื่องช่วยหายใจ

นพ.ชาญชัย ผอ.รพ.ขอนแก่นเผยข่าวดี ยายวัย63ปีผู้ติดเชื้อโคสิด-19  รายที่ 5 อาการดีขึ้นมาก คาด1-2วันถอดเครื่องช่วยหายใจ สำหรับรายที่ 6ที่เป็นสามี  ไม่มีอาการอะไรเลย ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ อาจมีแอนติบอดีเหมือนกับลูกชายครบ 14 วันแล้วจะนำเลือดไปตรวจอีกครั้ง

พ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น เผยอาการล่าสุดคนไข้ผู้ติดเชื้อรายที่ 5 ว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก ก็กำลังพิจารณาดูว่า ถ้าคนไข้สามารถหายใจเองได้เราก็จะถอดเครื่องช่วยหายใจออก ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเตรียมการอยู่อาจจะภายใน 1-2 วันนี้ สำหรับการเอ็กซเรย์ปอดก็พบว่าดีขึ้นมาก คนไข้รู้สึกตัวดี แต่ยังพูดไม่ได้เพราะขณะนี้ยังใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ สามารถตอบสนองได้ทุกอย่าง แต่ช่วงวันแรกๆ ที่เข้ามา เราก็พยามจะให้เขาหลับ เพื่อที่จะไม่ให้ต้านเครื่องช่วยหายใจ แต่ตอนนี้เราค่อยๆ ถอนเครื่องออก ตอนนี้คนไข้ก็มีสติกลับคืนมา ขั้นต่อไปก็คือ เราคงจะค่อยๆ ถอนเครื่องช่วยหายใจ แล้วก็ให้เขาหายใจเองได้ ก็คงจะถอดท่ออื่นๆ ส่วนเรื่องการให้ยา เราก็ให้ยาดีที่สุดที่มีอยู่ เดิมเราให้ยาอยู่ 3 ตัว แต่คุณป้าแกแพ้ยา 2 ตัว ทำให้เราต้องถอนยาออกจนเหลือเพียงเพียงตัวเดียว คือ ฟลาวิราเวีย ซึ่งเป็นยาที่ทั่วโลกใช้กันในการรักษา เป็นยาที่เรารับมาจากประเทศจีน แต่แกแพ้ยาอีกสองตัว คือเรียกว่ามีผลข้างเคียง ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เราก็เลยต้องถอนยาอีกสองตัวออก คงไว้ตัวเดียว ส่วนเรื่องการรักษา ที่ตอนแรกคิดว่าอาจจะต้องสกัดแอนติบอดี้จากลูกชายมารักษาแม่ ตอนนี้คิดว่าคงไม่จำเป็น เพราะการนำพลาสมามาสกัดก็ไม่ได้ง่าย ต้องผ่านกรรมวิธีการต่างๆ อีกมาก ซึ่งทางสภากาชาดก็จะเก็บข้อมูลเป็นฐานข้อมูลเพื่อการทำวิจัยต่อไป ตอนนี้ก็ถือว่าอาการดีขึ้นแต่ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ แต่เมื่อไรที่ถอดเครื่องช่วยหายใจ ทางหมอถึงจะคลายความเป็นห่วงลงได้ เพราะการใส่ท่อช่วยหายใจบางทีก็ทำให้เกิดการติดเชื้ออื่นๆ ด้วยได้ แต่ตอนนี้เราก็ให้ยาครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นด้วย

สำหรับรายที่ 6 ก็ถือว่า ตอนนี้สบายดี ไม่มีอาการอะไรเลย ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ถ้าครบ 14 วันก็น่าจะหายดี ยอมรับว่า เรามีความรู้น้อยเกี่ยวกับโรคนี้ มันเป็นโรคใหม่ จริงๆ มันมีปัจจัยขึ้นอยู่กับ 3 อย่างก็คือ หนึ่งร่างกายคนเรา อย่างคุณป้าแกมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานและความดันด้วย ก็เลยจะมีผลทำให้แกเป็นหนักหน่อย แต่รายที่ 6 สามีคุณป้า แม้จะอายุมากกว่า แต่แกแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ร่างกายก็สู้กับเชื้อได้ ข้อสองก็คือรับเชื้อมามากแค่ไหน คนรับมามากอาการก็จะรุนแรง หรือรับเชื้อในลักษณะที่มันแอคทีฟเร็วก็จะมีอาการมาก ข้อสามก็คือ เรื่องของสภาพแวดล้อมต่างๆ และการรักษา นี่ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อาการของเราจะหนักหรือเบา เป็นข้อมูลเบื้องต้น เพราะเราก็ยังรู้จักโรคนี้ไม่มากนัก กรณีของคุณลงคนที่ 6 ก็เป็นไปได้ว่า ร่างกายอาจจะมีแอนติบอดีเหมือนกับลูกชาย ซึ่งถ้าครบ 14 วันแล้วเราก็จะนำเลือดไปตรวจอีกครั้ง อันนี้เป็นกฎของกระทรวงสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยทุกคน หลังจากครบ 14 วันเมื่อหายแล้ว เราจะตรวจเลือดอีกครั้งหนึ่ง

แสดงความคิดเห็น