
เมื่อเหรียญยังมีสองด้าน พฤติกรรมคน ก็ย่อมมีทั้งดีและไม่ดีเป็นธรรมดากรณี“ตู้ปันกัน” ถือเป็นความงดงาม ทางสังคมในยามทุกข์ยาก ศูนย์กลางการให้และการรับ ที่เยี่ยมยอดน่าประทับใจอย่างยิ่ง เราได้เห็นฝั่งผู้ใหญ่ที่นำข้าวของต่างๆมาเติมในตู้ปันกันไม่ขาดสาย เรียกว่ามีกันทุกซอกทุกซอยและทั่วประเทศก็ว่าได้ “น้ำใจ” ในยามนี้ เป็นน้ำใจที่ยากจะลืมเลือนได้ นี่คือประเทศไทยของเรา เราต้องช่วยกันรักษาไว้ใหัเป็นเอกลักษณ์ของแผ่นดิน
มีสีขาวก็ย่อมมีสีดำ ภาพของผู้รับ บางกลุ่มบางคน ที่กระทำการไม่เหมาะสม แสดงความเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ถือเป็นการกระทำที่ขาดจิตสำนึกอย่างมาก คำพูดที่ว่า“คนอื่นเอาไปมากกว่าผมอีก” สะท้อนได้ชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่การ“ปันกัน” แล้ว นี่คือการแย่งชิงกันมากกว่า ใครชิงมากก็ไดัมากในสังคมวันนี้ เราได้เห็นเรื่องของความสำนึกมากมาย เมื่อคราวปลดล๊อกขายเหล้าเบียร์ก็ชัดเจนมาก หรือการกักตุนหน้ากาก และเจลล้างมือ สิ่งเหล่านี้คือเรื่องของ ” จิตสำนึก”ทั้งสิ้น
การที่นายกประยุทธ์ ทำจดหมายขอความร่วมมือจากเจ้าสัว ผมมองว่าท่านขอเรื่องจิตสำนึก จากผู้คุมเศรษฐกิจ ให้ช่วยกันมากกว่าการจะไปขอรับบริจาคเงิน จิตสำนึกในยามนี้ เป็นจิตสำนึกพิเศษ ที่ตัองไม่พูดถึงคำว่า กำไรหรือขาดทุน ทั้งหมู่บ้านลำบากกันหมด จะมีคนไม่กี่ครอบครัวที่สุขสบาย อันนี้คือการขาดจิตสำนึก วิกฤตจากไวรัสโควิด19 นำมาซึ่งความงามด้านน้ำใจ และทำให้เรา ต้องกลับมาทบทวนเรื่องของ“จิตสำนึก” ที่ต้องเริ่มกันในหลักสูตรการสอนตามโรงเรียน จิตสำนึกของข้าราชการ จิตสำนึกของพ่อค้า และถ้าทำได้ ก็รวมทั้งจิตสำนึกของนักการเมืองทั้งหลายไปด้วย การพบปัญหา แล้วช่วยกันแก้ไข น่าจะดีกว่าการบ่น
โดย.. ทวิสันต์ โลณานุรักษ์
แสดงความคิดเห็น