สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขก. แจงไม่มีเจตนาขัดคำสั่งนายทะเบียน กรณีให้เพิกถอนมติการประชุมใหญ่จัดสรรกำไรสุทธิปี 62 อ้างไม่ตั้งค่าหนี้เผื่อจะสูญเต็มเพราะไม่ต้องการให้กระทบปันผลเฉลี่ยคืนสมาชิก ล่าสุดเผยถูกยกอุทธรณ์แล้ว แต่ยังยื้อยื่นฟ้องศาลปกครองอีกรอบ เตรียมประชุมวิสามัญแก้ไขข้อบกพร่องตามคำสั่งฯเดือนมิถุนาฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจง ข้อเท็จจริงกรณีการเพิกถอนที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ว่า ตามที่มีคำสั่งรองนายทะเบียนที่ (ขก) 31/2563 เรื่องให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัด เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563ระเบียบวาระที่ 3.2 เรื่อง พิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิ ประจำปี 2562 และคำสั่งที่ (ขก) 32/2563 เรื่องเพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดเรื่องพิจารณาจัดสรรกำไรสุทธิ ประจำปี 2562
แถลงการณ์ระบุว่า คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ขอชี้แจงว่า สาเหตุมีเพียงไม่ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีครอบคลุมทั้งจำนวน ด้วยเหตุผลของคณะกรรมการมีเป้าหมายตรงกันคือทำอย่างไรก็ได้ที่จะไม่ส่งผลกระทบเรื่องเงินปันผล เฉลี่ยคืนของสมาชิก
คณะกรรมการฯมิได้มีเจตนาขัดคำสั่งนายทะเบียนแต่อย่างใด เพียงแต่คณะกรรมการมีแผนในการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชี และมีหนังสือจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์แจ้งตอบรับทราบแผนดังกล่าวจึงจัดสรรกำไรสุทธิ
ตามมติที่ประชุมใหญ่ที่ 1,126 ล้านบาท ถ้ามีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีครอบคลุมทั้งจำนวนจะอยู่ที่ 894 ล้านบาท ดังนั้นในการดำเนินการที่ผ่านมาคณะกรรมการดำเนินการมีแผนการทำงานแผนลำดับขั้นตอนดังนี้
ปฏิบัติตามแนวทางตามระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ว่า ด้วยเงินสดขาดบัญชีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรพ.ศ. 2546 ข้อ 6 (1) วันที่ 27 ธ.ค. 2563 ให้ลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีทำหนังสือรับผิดชอบชดใช้เงินสดขาดบัญชี หากไม่สามารถชำระคืนได้ให้มาจัดทำหนังสือรับสภาพหนี้และจัดให้มีหลักทรัพย์ประกันจำนวนหนี้เงินสดขาดบัญชี
ปรากฏว่า นายเอกราช ช่างเหลา ได้มาจัดทำหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวพร้อมหลักประกันหนี้เป็นที่ดินจำนวน 202 ไร่ 2 งาน 84 ตารางวา ราคาประเมิน 169,710,750.00 บาท และกำหนดชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6.75 บาทต่อปีให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 ธ.ค. 2563
คณะกรรมการดำเนินการพิจารณาแล้วว่า หลักทรัพย์เป็นประกันไม่ครอบคลุมเงินสดขาดบัญชีซึ่งยังขาดอยู่ 262,151,320.43 บาท จะส่งผลกระทบต่อสมาชิกจำนวนมากเมื่อมีการพิจารณาอนุมัติ งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด ประจำปี 2562
ถ้าตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญครบทั้งจำนวน กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 894 ล้านบาท คณะกรรมการจึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ทำหนังสือขอผ่อนปรนการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไปยังกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ตามหนังสือสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดที่ สอ.คขก.125/2563 ลงวันที่ 15 ม.ค. 2563
จากนั้นกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีหนังสือแจ้งกลับมายังสหกรณ์ตามหนังสือที่ กษ 0404/222 ลงวันที่ 3 ก.พ. 2563 คณะกรรมการได้ปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าวและเสนอแผนขอผ่อนปรนตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ครอบคลุมเงินสดขาดบัญชี 262,151,320.43 บาทภายในระยะเวลา 4 ปี
โดยปีที่ 1 ขอตั้ง 30 ล้านบาท ปีที่ 2 ขอตั้ง 50 ล้านบาท ปีที่ 3 ขอตั้ง 80 ล้านบาท ปีที่ 4 ขอตั้ง 100,151,320.43 บาท และได้ทำหนังสือรายงานกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ตามหนังสือสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดที่สอ.คขก.324/2563 ลงวันที่ 7 ก.พ. 63
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีหนังสือแจ้งกลับมายังสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัด ตามหนังสือที่ กษ 0404/366 ลงวันที่ 19 ก.พ. 2563 รับทราบแผนดังกล่าว วันที่ 5 ก.พ. 63 นายวิวัฒน์ สุดาจิต ผู้สอบบัญชีสหกรณ์รายงานอย่างมีเงื่อนไขให้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีครบทั้งจำนวนกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 894 ล้านบาท
แต่ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติตามที่ได้ทำแผนขอผ่อนปรนไป 4 ปี โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีเพียง 30 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท และกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 13 ก.พ. 63
นายวิวัฒน์ สุดาจิต รายงานนายทะเบียน นายทะเบียนสั่งการเมื่อ 7 ก.พ. 63 ให้คณะกรรมการแก้ไขข้อบกพร่องโดยให้นำยอดกำไรสุทธิ 894 ล้านบาท นำเสนอที่ประชุมใหญ่ 12 ก.พ.63 คณะกรรมการดำเนินการมีมติยืนยันตามมติเดิมตามที่ได้ทำแผนขอผ่อนปรนไป 4 ปี โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีเพียง 30 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาทเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพิจารณาแต่ให้ประธานกรรมการชี้แจงที่ไปที่มาให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบ โดยชัดเจนแล้วปฏิบัติตามมติที่ประชุมใหญ่
13 ก.พ.63 ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 มติที่ประชุมใหญ่โดยผู้แทนสมาชิกได้ตระหนักและมองเห็นผลกระทบที่จะเกิดกับสมาชิก จึงมีมติตามที่คณะกรรมการเสนอตามที่ได้ทำแผนขอผ่อนปรนไป 4 ปี โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีเพียง 30 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท จึงนำไปสู่การจัดสรรกำไรสุทธิในยอดดังกล่าว จะเห็นว่าทั้งคณะกรรมการดำเนินการและผู้แทนสมาชิกทุกคนมีเป้าหมายที่ตรงกันคือ จะต้องไม่ให้มีผลกระทบต่อมวลสมาชิกเรื่องการปันผล เฉลี่ยคืน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิใช่ความผิดของมวลสมาชิก
6 มี.ค. 63 สำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นได้ส่งสำเนาคำสั่งรองนายทะเบียนที่ (ขก)31/2563 เรื่องให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดระเบียบวาระที่ 3.2 เรื่องพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิ ประจำปี 2562 และคำสั่งที่ (ขก)32/2563 เรื่องเพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัด
ด้วยเหตุผลตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในลูกหนี้เงินสดขาดบัญชีไม่ครอบคลุมทั้งจำนวน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ไม่ได้อนุญาตแผน 4 ปี เป็นเพียงรับทราบ ต้องจัดสรรกำไรสุทธิที่ 894 ล้านบาท 12 มีนาคม 2562 คณะกรรมการฯดำเนินการอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
วันที่ 22 ม.ย. 63 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ โดยมีมติยกอุทธรณ์และให้โต้แย้งคำสั่งต่อศาลปกครอง ภายใน 90 วัน 13 พ.ค. 63 คณะกรรมการดำเนินการมีมติฟ้องศาลปกครองและได้ยื่นคำฟ้องเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.63 คดีหมายเลขดำที่ 136/2563ดังนั้นกระบวนการอุทธรณ์คำสั่งจึงถือว่าอยู่ระหว่างดำเนินการจนกว่าศาลปกครองจะมีคำพิพากษา
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการดำเนินการมีแผนในการประชุมใหญ่วิสามัญใหม่ตามคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว คาดว่าน่าจะประชุมได้หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ CORONA VIRUS (COVID 19) มีความปลอดภัยและสามารถจัดประชุมได้ก็จะดำเนินการทันทีคาดว่า ประมาณเดือนมิ.ย.63 คณะกรรมการดำเนินการจะแจ้งอีกครั้งหนึ่ง
คณะกรรมการมีการวางแผนไว้อย่างรอบคอบจะไม่ให้มีผลกระทบต่อเรื่องเงินปันผล เฉลี่ยคืนของมวลสมาชิก ขอให้สมาชิกได้สบายใจและให้ความเชื่อมั่นต่อคณะกรรมการในการที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวและขอให้ความมั่นใจกับมวลสมาชิกว่า สหกรณ์ฯ มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เพื่อเป็นที่พึงของสมาชิกสืบไป
รายงานข่าวระบุว่า กระบวนการยื่นอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนนั้น ตามพ.ร.บ.สหกรณ์ 2542 มีคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (คพช.)เป็นผู้พิจารณา ซึ่งผลการพิจารณาได้ยกคำอุทธรณ์ และให้ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามคำสั่งของนายทะเบียน แต่ต่สหกรณ์ครูขอนแก่นยังคงใช้วีธีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งยังไม่ทราบว่าผลการพิจารณาจะออกไปเป็นเช่นใด ขึ้นอยู่ว่าคณะกรรมการสหกรณ์ชุดนี้จะตััดสินใจอย่างไร