“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ” อดีตแกนนำพันธมิตรฯ วิเคราะห์กลุ่มเยาวชนปลดแอก ระบุการรวมกลุ่มมีมากกว่ายิ่งกว่า กปปส. นปช. พันธมิตรฯ และเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในไทยครั้งใดๆ จี้รัฐบาลปฏิรูประบบที่ล้าหลังอย่างจริงจัง
วันที่ 18 ส.ค. 63 ผศ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เผยแพร่บทความเรื่อง “รหัสการเคลื่อนไหว” ข้อสังเกตและแนวโน้มสถานการณ์*** ว่า การเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองมากที่สุด จนสื่อต่างชาติขานรับลงต่อเนื่องไปจนจบหรือถึงที่สุดทั้งค่ายสหรัฐอเมริกาสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน ญี่ปุ่นอังกฤษและโลกมุสลิม อีกทั้ง ยังส่งบรรดานักข่าวตามจับสถานการณ์จนถึง”จุดจบ” ในวันข้างหน้า
มากเสียจนอาจพูดได้ว่ามากยิ่งกว่า กปปส. นปช. พันธมิตรฯ และเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในไทยครั้งใดๆ เสียอีก เพราะยุคนี้เป็นเรื่องของโลกไซเบอร์ (โซเชียลเน็ตเวิร์ก) ที่เราไม่อาจปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารใดๆได้เลย และข้อวิเคราะห์จากข้อมูลรวมทั้งในคอมเมนต์ต่างๆ อย่างหลากหลาย ได้อย่างดียิ่ง
1. ความคิดอ่านการเคลื่อนไหวใหญ่มักจะเกิดจาก (1) ความเชื่อถือ ศรัทธาและยอมรับเงื่อนไขการเคลื่อนไหวนั้นๆ ได้ (2) ครั้งต่อมา จะเกิดการทบทวนครุ่นคิดถึงสิ่งที่ทำลงไปแล้วจะเกิดภาวะรู้จริง รู้แจ้ง หรือภาวะตาสว่าง (สรรพสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง) เงื่อนไขต่างๆ เมื่อเคลื่อนไหวตามความเชื่อถือ ศรัทธาและยอมรับเงื่อนไขการเคลื่อนไหวนั้นๆ ได้ ผ่านมาแล้ว ก็เกิดภาวะไม่ลงรอยและแตกแยก(แยกออกไป) ออกจากกลุ่มเดิม บางส่วนถึงขั้นถูกประณามกันก็มี (3) กำหนดจุดหมายชัดเจน มุ่งมั่นแน่นอนแล้ว “ปักหมุดหมาย” แล้วกำหนดรหัสเคลื่อนไหวในหมู่กลุ่มผู้นำ เช่น ตั้งคณะประชาชปลดแอก(ปลดแอกมีความหมายซ่อนอยู่ลึกซึ้ง) (ให้) จบที่รุนของเรา(ต้องเปลี่ยนให้เสร็จสิ้น) คณะราษฎร์-จิตร ภูมิศักดิ์-ปรีดี พนมยงค์ (ต้นแบบ) ฯลฯ คือรหัสที่จะนำไปสู่จุดหมายสูงสุด
2. ตอนนี้เหตุการณ์เลยคำว่าจุดติดไปไกลกว่าครั้งใดๆ แล้ว ในอดีต เมื่อไปวิจัย*และสอบถามนั่งคุยกันก็พบว่า เยาวชนนักเรียนนิสิตนักศึกษาเขาเรียนรู้ประวัติศาสตร์มากคนยุคเก่า นักเรียนมัธยมศึกษาอ่านจากโลกไซเบอร์มากกว่าพี่ๆที่เรียนมหาวิทยาลัยเสียอีก (แนะนำให้ดูเขาคิดอ่านข้อความสั้นๆในทวิตเตอร์ จะคิดค่อนข้างเร็ว อ่านมาก) เขาจึง”ลุกขึ้นมาเพื่อมีส่วนร่วมทางการเมือง” แล้วพูดนั่งฟังน่าทึ่งมาก “ถ้าเขาไม่ยอมเสียสละในวันนี้ เขาจะเสียใจในวันหน้า” อย่าเอา”ความกลัว” ไปครอบงำเด็ก…ผู้วิจัยระบุว่าเหตุการณ์ไปไกลกว่าอดีตมาก เริ่มมามองอีกครั้งในเหตุการณ์กวางจู นองเลือด(ปี1980) เหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาในฝรั่งเศส (ปี1830) ดังนั้นจะต้อง “ไม่ผลักออกไป-ไม่คิดว่าเป็นศัตรู-ไม่ปราบปราม” แต่ต้องเริ่มต้นการยอมรับเสียก่อน แล้วเจรจาหาทางออกอยู่ร่วมกันได้
3. รัฐไทยต้องปฏิรูปอย่างรุนแรงและเข้มข้นในโครงสร้างการเมือง และเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาปฏิรูปช้ามาก เพื่อให้คิดถึงประเด็นที่มาของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ “เพื่ออนาคตของเด็ก(ชู3นิ้ว)” 15 ปีผ่านมานับแต่ปลายรัฐบาลฯ-พันธมิตรฯ-นปช.และกปปส. เด็กเหล่านี้อายุเพิ่ง10 กว่าปีเท่านั้นเอง เขาเห็นเขาจึงสรุปว่า…?
4. ตอนนี้เท่าที่ฟังดูเห็นว่าคำขาดนั้น จะยากมากที่สุดในกำหนดวันสิ้นกันยายนนี้ จะต้องไม่มีสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดย ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งทางตรง…เท่าที่ฟังจากประยุทธ์-พรเพชร-คำนูณ-สมเจตน์ ฯลฯ จะมีสองทาง ทางแรกฝ่ายคัดค้านการยกร่างจะนำเสนอไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และอีกฝ่ายมองว่าอาจจะมีสมาชิกวุฒิสภาลาออก และนายกรัฐมนตรีอาจลาออกเพื่อตั้งพลเรือนเป็นหัวหน้าในรัฐบาลแห่งชาติ มาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อร่างแล้วขอประชามติเสร็จสิ้นก็ยุบสภา ให้เลือกตั้งกันใหม่
5. “บิ๊กตู่” จะไปเพราะเด็ก และทหารจะแพ้เด็กเพราะ (ทหาร) กลัวความบริสุทธิ์ใสซื่อ…เด็กๆ เขาเกลียดมาทหารสืบทอดอำนาจ และสมาชิกวุฒิสภาสรรหาลากกันสืบทอดอำนาจต่อไป… “บิ๊กตู่” สนใจแต่ว่าเมื่อวันที่16 สิงหาคมฯ มีใครอยู่ข้างหลัง” เพราะเกิดความกลัว หลงอำนาจ หลงบารมี และหลงตัวเอง ระวังเมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อน เดี๋ยวจะไม่มีแผ่นดินอยู่.
6. บรรดาเยาวชนที่เป็นนักเรียนมัธยมศึกษา(อาจลามไปสู่มัธยมศึกษาตอนต้น และประถมศึกษา) พูดกันในหลายโรงเรียนว่า “หลังจากร้องเพลงชาติเสร็จ แล้วชู3นิ้วจนกว่าข้อเรียกร้อง3ข้อจะสำเร็จ” เป็นปณิธาน(ความตั้งใจอันแน่วแน่) ของเด็กๆ
7. ในสมัยที่ผู้เขียนเป็นผู้นำอยู่ใน มศว.มหาสารคามนั้น เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มีการจัดตั้งศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) แล้วเปลี่ยนเป็นสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.)และสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (Student Union of Thailand) สนท. เป็นการนำรวมศูนย์ไว้ที่จุดเดียว ตอนหลังไปอยู่เขตป่าเขาใช้ชื่อว่า ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยในสถานการณ์สู้รบที่ปฏิวัติ แต่สหภาพฯตอนนี้มีคนอยู่ในกลุ่มหลายกลุ่มสั่งการไม่ได้ ทุกกลุ่มจะมีเสรีภาพในการเคลื่อนไหว แต่ใจกลางยังชูในประเด็นทั้งสาม(ชู3นิ้ว)เหมือนกัน และจะมีประเด็นอื่นๆ ตามมาเช่น ข้อเรียกร้อง 10 ข้อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่กลุ่มต่างจังหวัดมีผู้สนับสนุนต่างออกไป
8. ตอนนี้มีความพยายามจัดตั้งกลุ่มต่อต้านสื่อ(สามพวกรวมพวกกลาง) กลุ่มเชิงวิชาการโต้ตอบมีวาทกรรมต่างๆ ออกมาเป็นระยะๆ และมีการจัดตั้งกลุ่มจังหวัดต่างๆ และกลุ่มไทยภักดิ์(จะเป็นอัตราเร่งหรือไม่ จะได้เขียนในครั้งต่อไป)
นี่เป็นการมองตามสื่อสารต่างๆ ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน บทความท้ายๆ เมื่อแน่ใจตามควรแล้ว จะได้บอกความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน จนกว่าจะพบกันอีกด้วยจิตคารวะ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 18 สิงหาคม 2563
///////////////
***อรรถาธิบาย
กนกรัตน์ เลิศชูสกุล. วิจัยใน “เสียงจากม็อบการเมืองของคนรุ่นใหม่ตอบโจทย์ 17 ส.ค.2563” วราวิทย์ ฉิมมณี ดำเนินรายการ.
“หยุดไม่อยู่ เด็กมัธยมพรึบต้านเผด็จการ” 18ส.ค.2563 วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ และโยธิน ตรังคิณีนาถ.