ลุยต่อ! รถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย อีก6สายจ่อชะลอเหตุเจอพิษโควิด-19

กระทรวงคมนาคมประชุมเพื่อพิจารณาการเสนอขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2  จำนวน 7 โครงการ เบื้องต้นประเมิน สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องเร่งขับเคลื่อน เนื่องจากเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ชาติ เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟของลาว ส่วน อีก 6 สาย เลื่อนลงทุน เหตุเจอพิษไวรัสโควิด-19 เล่นงาน 
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมเพื่อพิจารณาการเสนอขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 โดยมี นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ (สงป.) และกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 ณ กระทรวงคมนาคม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาให้ รฟท. เสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย จำนวน 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนระบบเศษฐกิจของประเทศ ให้ สศช. พิจารณาเสนอความคิดเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
 กระทรวงคมนาคมได้ส่งเรื่องขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วย ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เพื่อให้กระทรวงการคลัง สงป. และ สศช. พิจารณาเสนอความคิดเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในการนี้ สงป. และ สศช. มีความเห็นให้ รฟท. ส่งข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของข้อมูลแผนการจัดหารถจักรและล้อเลื่อน กลยุทธ์ทางการตลาดของ รฟท. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แนวทางการปรับปรุงแบบการบริหารจัดการและระบบโลจิสติกส์ของ รฟท. ซึ่งที่ประชุมในครั้งนี้ ได้พิจารณาผลการจัดลำดับความสำคัญของโครงการฯ โดยพิจารณาจากการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟระหว่างประเทศ/เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน การเชื่อมโยงเมืองศูนย์กลางของภูมิภาค การเชื่อมโยงโครงข่ายทางคู่ปัจจุบัน การเชื่อมโยงเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว พบว่า ลำดับที่ 1 ได้แก่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ลำดับที่ 2 ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ลำดับที่ 3 ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ลำดับที่ 4 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ลำดับที่ 5 ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ลำดับที่ 6 ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ และลำดับที่ 7 ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
ส่วนการพิจารณาเสนอขออนุมัติโครงการใดก่อนหลังนั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า โครงการรถไฟทางคู่นั้นเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเชื้อไวรัส COVID-19 จึงเห็นควรให้ รฟท. เสนอโครงการฯ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย จำนวน 1 โครงการก่อน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนระบบเศษฐกิจของประเทศ อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์จากจีน ลาว และไทย ลงมาถึงแหลมฉบังได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้ รฟท. เร่งจัดทำแผนการจัดหารถจักรและล้อเลื่อน กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แนวทางการปรับปรุงแบบการบริหารจัดการและระบบโลจิสติกส์ และแผนการใช้ประโยชน์จากโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 และขอให้ สนข. ศึกษาการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งระหว่างไทย -มาเลเซีย – สิงคโปร์ โดยให้ครอบคลุมยุทธศาตร์ ยุทธวิธี และความมั่นคงของประเทศด้วย

ภาพ/ข่าว :

ประชาสัมพันธ์ กระทรวงคมนาคม
แสดงความคิดเห็น