ประยุทธ์ไฟเขียว!!รพ.เอกชน-ภาคเอกชน-อปท. สั่งซื้อจัดหาวัคซีนโควิดจากหน่วยงานที่กำหนดได้แล้ว

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ ศบค.ปลดล็อก รพ.เอกชน-ภาคเอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ได้แล้ว แต่ต้องสั่งซื้อจากหน่วยงานที่กำหนด และตามขั้นตอนของกฎหมาย มีผลทันที (8 มิ.ย.)

วันนี้ (8 มิ.ย.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 หรือ ศบค. เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

ใจความสำคัญกำหนดแนวทางบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 จำนวน 6 ข้อ ได้ปลดล็อกอำนาจในการจัดหาวัคซีนให้แก่ รพ.เอกชน ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. สามารถจัดหา สั่งซื้อวัคซีนซึ่งขึ้นทะเบียนแล้ว ผ่านองค์การเภสัชกรรม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ฯลฯ ได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (8 มิ.ย.) เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้

 

1.ให้มีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ที่มีคุณภาพและมีจำนวนเพียงพอแก่ประชาชนโดยอย่างน้อยให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร (ไม่น้อยกว่าจำนวนประชากรห้าสิบล้านคน)

2.ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประสานงาน ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ในการดำเนินการขึ้นทะเบียนวัคซีนให้เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

3.ให้กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้บริการทางการแพทย์ หรือสาธารณสุข แก่ประชาชน ร่วมมือกันในการดำเนินการจัดหา สั่ง หรือนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานนั้น ๆ กำหนด

4.เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ได้มากขึ้น สถานพยาบาลเอกชนและภาคเอกชนอาจจัดหาหรือขอรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 จากหน่วยงานตามข้อ 3 ภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาให้บริการประชาชนหรือบุคลากรในความดูแลได้ตามความเหมาะสม โดยวัคซีนดังกล่าวต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยา และต้องพิจารณากำหนดราคาวัคซีนและการให้บริการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

5. โดยที่ในปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ที่ผลิตหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร ยังมีจำนวนจำกัด หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 มาให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ ให้จัดหาจากหน่วยงานตามข้อ 3 และต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

รวมถึงหลักเกณฑ์หรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 หรือนายกรัฐมนตรีกำหนดการดำเนินการตามวรรคหนึ่งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ให้เป็นไปตามแนวทางหรืออยู่ในการกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการจัดหาวัคซีนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพด้านงบประมาณและรายได้ ที่แตกต่างกัน และเพื่อให้การกระจายวัคซีนในห้วงเวลาวิกฤติมีความเป็นธรรมมากที่สุด

ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนและให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวก แก่ประชาชนในพื้นที่ในการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนรวมของประเทศ

6.ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วนเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลกับระบบแพลตฟอร์มหมอพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 และเพื่อให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป

 

แสดงความคิดเห็น