ร้อยเอ็ดพร้อม!! รับมือสถานการ์ผู้ป่วยกลับบ้าน ร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19
นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด ณ ห้องประชุมพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายเธียรชัย พุทธรังษี , นายชนาส ชัชวาลวงศ์ , นายสมชัย คล้ายทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม และได้มีการถ่ายทอดการประชุมผ่านทางระบบ zoom meeting ไปยัง นายอำเภอ ส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ดโดยได้มีการรับทราบสถานการณ์ของการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงนี้ ซึ่งคงเป็นที่ทราบกันว่าหลังจากที่มีการล็อกดาวน์ของกรุงเทพมหานคร ที่พักแรงงานชุมชนที่มีการระบาดใน 10 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง จนส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเดินทางมาจาก 10 จังหวัดดังกล่าวเข้ามาในจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจำนวนหลายพันคน โดยมีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีการติดเชื้อวันละ 5 รายส่วนใหญ่ แต่ขณะนี้มีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น เป็นวันละ 30 40 50 ราย ตามลำดับ จากการประเมินสถานการณ์ ยังมีชาวร้อยเอ็ดที่ไปทำงานอยู่ใน 10 จังหวัดเสี่ยงและได้เดินทางกลับมา บางรายเป็นผู้ติดเชื้อซึ่งอยู่ระหว่างรอการรักษาอยู่ โดยได้ทราบว่าทางกรุงเทพมหานครหรือปริมณฑลอาจจะยังมีเตียงรักษาที่ไม่เพียงพอ
ดังนั้น พี่น้องคนร้อยเอ็ดเหล่านี้จึงได้เดินทางกลับมาเพื่อเข้ารับการรักษาตัว หรือบางท่านก็มาเพื่อที่จะรับการตรวจร่างกายว่ามีการติดเชื้อโควิด-19หรือไม่ และเมื่อเข้ามาแล้ว ทางจังหวัดก็ได้มีการให้พี่น้องประชาชนดังกล่าวได้เข้ามารายงานตัว และได้เชิญมาสอบสวนโรค ซึ่งก็มีผลออกมาว่าได้มีการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งติดมาจากกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดเสี่ยง แต่อย่างไรก็ตามยังมีการระบาดในลักษณะของการติดเชื้อในจังหวัด จากข้อมูลในการประชุมวันนี้ มีประมาณ 5% – 6% ที่เมื่อกลับเข้ามาแล้วจะมีพฤติกรรมเสี่ยงมีการติดเชื้ออยู่บ้าง อย่างไรก็ตามในเรื่องดังกล่าวจังหวัดเราก็มีแผนที่จะต้องดำเนินการในช่วงนี้ ซึ่งเป็นมติของที่ประชุมในเรื่องแรกก็คือจะมีการเปิดของโรงพยาบาลสนามขึ้นสามแห่ง โดยโรงพยาบาลสนามแห่งแรกก็คือที่หอประชุมจังหวัด จำนวน 200 เตียง โรงพยาบาลสนามแห่งที่สองจะมีการติดตั้งที่สนามโรงยิมเนเซี่ยมของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จำนวน 250 เตียง และโรงพยาบาลสนามแห่งที่สามก็อยู่ในโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชซึ่งอยู่ในความดูแลของมณฑลทหารบกที่ 27 จำนวน 100 เตียง ซึ่งในสัปดาห์นี้ จังหวัดเรามีความจำเป็นที่จะต้องเร่งเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อย้ายผู้ป่วย
ซึ่งในขณะนี้ เป็นผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ จะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม เราเชื่อว่าพี่น้องประชาชนที่มาจากกรุงเทพมหานครเมื่อกลับมาแล้วหากพบว่ามีการติดเชื้อหากไม่มีอาการรุนแรงทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ดและโรงพยาบาลต่างๆ ก็จะย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการมาพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลสนามดังกล่าว โดยมีค่าเฉลี่ยของการรักษาตัว หากไม่เกิดอาการใดๆเมื่อครบ 14 วัน เชื้อโควิดก็จะอ่อนตัวและก็สามารถกลับบ้านได้หรือก็จะหายเป็นปกติ
ทั้งนี้ นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้พี่น้องประชาชนได้มีความสบายใจในเรื่องดังกล่าว สำหรับเรื่องพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ดอยากจะกลับมา เพื่อตรวจหาเชื้อ เพราะว่าบางทีอาจจะมีอาการหรืออาจจะไปพบปะผู้คนมากมายแล้วอยากจะกลับมา รวมไปถึงผู้ที่ตรวจพบเชื้อแล้ว แต่อยากจะกลับมารักษาตัว ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดก็จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการให้บริการ หากไม่สามารถจะกลับมาได้ด้วยเหตุผลใดก็ตามหรือมีความต้องการในความช่วยเหลือ ก็สามารถติดต่อไปได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือทางโรงพยาบาลทุกแห่งเพื่อที่จะขอรับการสนับสนุนในเรื่องของการไปรับตัวมารักษาที่จังหวัดของเรา และเชื่อว่าคนร้อยเอ็ดเราเป็นคนที่รักลูกหลานและมีจิตใจเมตตาในการกลับมาของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ในการกลับมาร้อยเอ็ดรอบนี้ถึงแม้ว่าจะมีความเมตตาอย่างไรก็จะต้องระวังตัว เพราะฉะนั้นก็จะต้องแนะนำให้ผู้ที่กลับมาให้ไปรายงานตัวกับเจ้าพนักงานโรคติดต่อในพื้นที่ก่อน เพื่อตรวจคัดกรองและเข้าสู่ระบบควบคุมโรคติดต่อ จะต้องมีการกักตัวและต้องแยกกักตัว อย่าทำกิจกรรมร่วมกัน หากจังหวัดร้อยเอ็ดเราได้ดำเนินมาตรการต่างๆเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วนแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์ในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่าจะมีคนกลับมามากและก็มีผู้ติดเชื้อมาก ร้อยเอ็ดเรามีสถานที่คือโรงพยาบาลสนามที่มีสถานที่เพียงพอที่จะดูแลรักษาพี่น้องเราได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หากพี่น้องประชาชนรู้จักการใช้มาตรการต่างๆ ที่ทางสาธารณะสุขได้ประกาศไป คือเรื่องของการรักษาระยะห่าง การสวมแมส การล้างมือ การคัดกรองต่างๆเหล่านี้ ซึ่งการติดเชื้อก็ไม่ใช่ว่าจะติดเชื้อกันได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นแล้วขอให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจ ในมาตรการจากนี้ไป และขอให้พวกเราช่วยกัน เพื่อจะฟันฝ่าวิกฤติที่ค่อนข้างหนักในช่วงนี้ให้ผ่านพ้นไปได้