20 กรกฎาคม 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงข่าวการจัดหาวัคซีนโควิด 19 และมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด 19 โดยนายแพทย์โอภาสกล่าวว่า วันนี้กรมควบคุมโรคและบริษัทไฟเซอร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาจัดหาวัคซีน mRNA จำนวน 20 ล้านโดส หลังจาก ครม.อนุมัติให้ลงนาม จะส่งมอบตามแผนภายในไตรมาส 4 ปี 2564 ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ประเทศไทย 1.5 ล้านโดสจะมาปลายเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่ง ศบค.เห็นชอบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิดที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เพื่อกระตุ้นเป็นเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส 2.กลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด และ 3.ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า การจัดหาวัคซีนโควิด 19 มีการลงนามจองซื้อและจะส่งมอบตามสัญญาจำนวน 100 ล้านโดสในปี 2564 ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ซิโนแวค 19 ล้านโดส และไฟเซอร์ 20 ล้านโดสแต่ความต้องการฉีดวัคซีนของประชาชนมีจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขจะจัดหาเพิ่มเติมและแจ้งความคืบหน้าต่อไป สำหรับการลงนาม 3 ฝ่ายระหว่างกรมควบคุมโรค แอสตร้าเซนเนก้า และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2563 มีข้อตกลงว่าจะไม่เปิดเผยความลับในสัญญา ถ้าจะเปิดเผยต้องได้รับความยินยอม 3 ฝ่าย มิเช่นนั้นถือว่าทำผิดสัญญาและอาจถูกยกเลิกไม่มีการส่งวัคซีนให้ประเทศไทยได้ ทั้งนี้ ในสัญญาไม่ได้มีประเด็นอะไรซับซ้อน แต่ภาคเอกชนคำนึงถึงความลับทางการค้าที่อาจมีผลกับการทำสัญญากับอีกหลายประเทศ
“การทำสัญญากับแอสตร้าเซนเนก้าเป็นช่วงที่ยังไม่มีการผลิต จึงไม่สามารถกำหนดจำนวนที่ผลิตและจัดส่งให้ได้ ต้องเจรจากันล่วงหน้าในแต่ละเดือน สำหรับข่าวที่บอกว่าเราต้องการ 3 ล้านโดสต่อเดือนนั้น ไม่เป็นความจริงความต้องการแต่ละเดือนอยู่ที่ 10 ล้านโดส จากการเจรจาล่าสุดทางบริษัทจะส่งให้เราได้อย่างน้อยประมาณ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นกับกำลังการผลิต หากผลิตได้เพิ่มขึ้นก็จะส่งมอบให้ได้มากขึ้น” นายแพทย์โอภาสกล่าว
…………….
ที่มา>> กระทรวงสาธารณสุข