วงเสวนาข้อเสนอการควบคุมป้องกันการระบาดโควิด 19 และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์ เสนอรัฐใช้มาตรการเข้มมากขึ้นในการควบคุม แนะให้รัฐปรับลดกฎระเบียบการเบิกจ่ายกรณีโควิดให้เร็วและสอดคล้องกับความเป็นจริง ระบุภาคเกษตรและอุตสาหกรรมยังเดินต่อไปได้ แต่จะต้องได้รับการดูแลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ข่าวสารข้อมูลในตอนนี้เยอะมาก มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ส่วนมากตอนนี้ผู้คนรู้สึกไม่พอใจ หงุดหงิด สิ้นหวัง สถานการณ์ในขอนแก่นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจนน่าตกใจ และการเปิดเผยออกมาเป็นตัวเลขตัวเดียวแต่สามารถแตกได้ว่าเป็นตัวเลข 3 ตัว กลุ่มแรกคือกลุ่มที่มีการติดเชื้อแพร่ระบาดในจังหวัดขอนแก่น ในส่วนนี้ยังไม่น่าตกใจ เพราะยังเป็นหลักหน่วยหลักสิบอยู่
ส่วนที่ 2 คือคนกลับบ้าน ในเมื่อส่วนกลางส่งเสริมให้คนกลับมารักษาตัวที่บ้าน เพราะฉะนั้นตัวเลขตัวนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมามีเพิ่มขึ้นตลอดแต่ก็มีการเตรียมตัวต้อนรับ หากมีการแจ้งมาก่อนก็จะมีการจัดเตรียมสถานที่รองรับ มาถึงคัดกรอง ตรวจและส่งเข้าระบบการรักษา หากมีการบริหารดี ๆ ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่คนขอนแก่นได้กลับมารักษาตัวอย่างปลอดภัยและได้ช่วยกันดูแล
ตัวเลขที่ 3 คือตัวเลขคนเดินทางมารักษา ในส่วนนี้มีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากขอนแก่นเป็นจังหวัดใหญ่ มีโรงพยาบาลหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งถือว่าเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงที่ดี และอีกส่วนหนึ่งคือโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีหลายแห่ง ทำให้คนเข้ามารักษาเป็นจำนวนมาก ปัญหาอยู่ที่การรองรับคนเข้ามารักษา พบว่าในขณะนี้เตียงในโรงพยาบาลไม่พอสำหรับรักษา มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเต็มไปเป็นที่เรียบร้อย และแห่งอื่นๆก็ทยอยเต็ม สถานการณ์แบบนี้เราจะมีการเอาใจใส่มากกว่ารอบที่ผ่านๆมา เพราะตอนนี้เราต้องดูแลคนจากพื้นที่นอกขอนแก่นด้วย อาจจะต้องมีการเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่ม แต่ปัญหาคือตอนนี้หมอกับพยาบาลรวมถึงเครื่องมือแพทย์มีไม่พอสำหรับผู้ป่วย เราขยายห้องพักสำหรับคนไข้สีเขียวเยอะ แต่คนไข้สีเขียว สีแดง ตามสัดส่วนแล้วมันต้องเพิ่มขึ้นมาด้วย ตอนนี้ที่รองรับคนไข้ที่อาการหนักมีไม่พอ ฉะนั้นสถานการณ์นี้ไม่สบายเหมือนปีก่อนแล้ว ถ้าหากมีมาตรการแรงๆออกมาไม่ต้องตกใจ เพราะว่าสามารถคาดหวังได้อยู่แล้ว เราโชคดีที่ยังอยู่ในสีส้ม สีแดง แต่ถ้าตามเกณฑ์ปกติแล้วเดี๋ยวเราก็จะกลายเป็นสีแดงเข้ม คาดว่าไม่นานเท่าไหร่ มองว่าขีดความสามารถในการรองรับอาจไม่พอ ดังนั้นมาตรการที่แรงขึ้นมามีเหตุผลพวกนี้รองรับ
“สถานการณ์ ในส่วนของภาครัฐถ้าติดตามจะเห็นปัญหาการจัดการพอสมควร แต่เราคงจะทำอะไรได้ไม่มากนอกจากเสนอความเห็น ไม่อยากให้คาดหวังว่าเป็นทางออกเพียงทางเดียว ส่วนภาคเอกชน เราน่าจะช่วยให้สังคมหันมาสนใจมากขึ้นว่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้อย่างไร”
ประเด็นที่ 1 คือลดความต้องการวัคซีน ประเด็นที่ 2 คือเรื่องเสนอมาตรการป้องกัน ประเด็นที่ 3 เป็นเรื่องมาตรการฟื้นฟู ปัญหาเรื่องวัคซีนคือ วิธีการจัดหาวัคซีนมีปัญหามาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน เราน่าจะเห็นข้อมูลว่าภายใน 3-4 เดือนนี้เราจะไม่ได้วัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไป ขอนแก่นเองเคยเสนอว่าขอแบ่งวัคซีนให้ภาคเอกชนด้วย สำหรับผู้ที่ทำงานขนส่งสาธารณะ ร้านค้าร้านอาหาร คนที่ต้องเจอคนเยอะๆ แต่พอถึงวันนี้วัคซีนไม่พอ ข้อเสนอนี้ก็น่าจะเบาลง ตอนนี้เศรษฐกิจหลักไปอยู่ที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร เราต้องช่วยกันดูในส่วนนี้ให้ดีในเรื่องของการควบคุมพื้นที่ในท้องถิ่น พื้นฐานที่ต้องปฏิบัติคือต้องช่วยกันลดกิจกรรม ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ ติดตามสอบสวนโรค ถือว่าทุกพื้นที่มีคนติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ต้องระมัดระวังให้ดี
ภาคธุรกิจต้องหันมาเข้มงวดด้านการระวังตัวเอง เช่น การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ การเว้นระยะห่าง ตอนนี้ยังมองว่าเราทำน้อยเกินไป ภาคประชาชนยังเอาใจใส่น้อยเกินไป อยากจะรณรงค์ให้กลับไปที่พื้นฐานคือ การลดกิจกรรมเสี่ยงให้น้อยลง 3 เดือนนี้เป็นช่วงที่แย่ที่สุด และอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นมาตรการต้องหนักขึ้น ประคับประคองให้ได้อย่างน้อย 3-6 เดือน สิ่งที่น่าคิดหลังจากนี้คือ ต้องคิดว่าจะฟื้นฟูอย่างไร ภาครัฐกับเอกชนต้องช่วยกันคิดและจัดการให้ดี ในส่วนของการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ภาคเกษตรสามารถอยู่ได้ เครื่องมือทางการเกษตร เมล็ดพันธุ์ขายได้ดีขึ้น ควรควบคุมให้ดี ผลักดันสินค้าเกษตร แปรรูปเพื่อให้ขายได้หลากหลายขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเข้มแข็ง สถานการณ์บังคับเราต้องปรับตัวให้ทัน
………………….
ติดตามข้อเสนอ นายโฆษิต เหล่าสุวรรณ ประธานหอการค้าจังหวัดมหาสารคาม ตอนต่อไป