นายธนพัต ทีฆธนานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม กล่าวในการเสวนา การป้องกันควบคุมโควิด 19 และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพื้นที่ ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อของนครพนมเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยส่วนมากจะเป็นตัวเลขจากการนำผู้ติดเชื้อจากกรุงเทพฯกลับมารักษาตัวในจังหวัด ภายใต้แนวคิด “คนนครพนมไม่ทิ้งกัน” ซึ่งทุกจังหวัดเป็นเหมือนกัน การนำผู้ติดเชื้อกลับมารักษาที่บ้านเป็นสิ่งที่ดีมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อสีเขียวโอกาสหายจะสูงมาก
การที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องคิดว่าจะรักษาคนกลุ่มนี้ให้หายได้เร็วที่สุด หรือชะลอการเติบโตจากผู้ป่วยสีเขียวเป็นสีเหลืองให้ได้ช้าที่สุด เนื่องจากว่าเตียงที่ใช้รักษาสีเหลือง สีส้มค่อนข้างมีจำกัด ภาคเอกชนจะช่วยกันบริจาคหรือ สนับสนุนภาครัฐอย่างไร ซึ่งจะเป็นการช่วยกันอย่างแท้จริง เป็นการลดภาระ ลดจำนวนผู้ป่วยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นครพนมมีกองทุนที่ดูแลโดยหอการค้าฯ ได้ทำการซื้อเครื่องช่วยหายใจจำนวน 50 เครื่อง สำหรับผู้ป่วยที่เป็นสีเขียวแก่หรือ สีเหลืองต้น 1 เครื่องประมาณ 20,000 บาท ด้วยงบประมาณ 1,000,000 บาท ขณะเดียวกันองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีทีมงานคัดกรองให้กลับมาให้เร็วที่สุด
สถานการณ์จะไม่เลวร้ายถ้าคนกลับมาถึงบ้านเร็ว เมื่อรัฐบาลประกาศให้คนกลับบ้านแล้ว หากเราไม่ทำตามอาจจะทำให้ฟันเฟืองทุกอย่างติดไปหมด เชื่อว่าการที่เราขับเคลื่อนไปตามฟันเฟือง และอยู่ในเกณฑ์ที่มีการส่งไม้ต่อมาเรื่อยๆแบบนี้ สุดท้ายแล้วปลายทางก็จะสำเร็จได้เร็วขึ้น
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ นครพนมมีนักท่องเที่ยงลดลงเนื่องจากเดินทางไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะนครพนมไม่ใช่เมืองรองสำหรับท่องเที่ยว เราเป็นเมืองชายแดนที่อาจจะมองว่าเป็นเมืองผ่านมากกว่า แปลว่าธุรกิจส่วนมากในนครพนมไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ยังประคองตนเองไปได้
เมื่อรัฐบาลประกาศว่าจะมีแผนฉีด Astrazeneca เข็มแรก เราคาดการณ์หลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือนคนจะเริ่มเดินทาง ณ เวลานั้นระลอก 3 ยังไม่มา ทางหอการค้าจึงได้ทำ Application ขึ้นมา ชื่อ “นครพนมรวมใจ” ภายใต้หลักการแนวคิดที่ว่าอยากให้คนนครพนมมีบ้านเมืองที่สะอาด การค้าที่สะอาด
ร้านค้าในจังหวัดนครพนมเข้ามาอยู่ใน Application กติกาของชาวนครพนมคือ ตื่นเช้ามาชาวบ้านต้องช่วยกันทำความสะอาด ถ่ายรูปและส่งมาใน Application จะได้รับคูปองอิเล็กทรอนิกส์ 50 บาท เพื่อนำไปใช้กับร้านค้าในจังหวัดนครพนม โดย 50 บาทที่ให้ ไม่ได้มีเงื่อนไขอื่นเลย ขอแค่ทำความสะอาดหน้าบ้าน สิ่งนี้ทำให้คนนครพนมออกมาเที่ยวจังหวัดนครพนมเอง
การกระจายข่าวเป็นวงกว้าง ผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้คนจะเห็นว่านครพนมมีความพร้อม สะอาด และช่วยกันพลิกฟื้นเมือง เมื่อถึงวันที่คนเริ่มเดินทางได้ นครพนมก็จะเป็นเมืองรองสำหรับการท่องเที่ยว เราได้เตรียมไว้หมดแล้ว รอเวลาที่คนจะเริ่มเดินทางจะปล่อยกิจกรรมออกมา ควบคู่ไปกับทางเทศบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่โควิดมากระแสการท่องเที่ยวก็เลยหยุดพักไปแต่ตนเชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลับมาได้
หอการค้าฯร่วมกับทางจังหวัดเริ่มคุยถึงการพัฒนาเส้นทางริมโขง ตั้งแต่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 มีระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร โดยจะแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไป เช่น กลุ่มที่มาจากกรุงเทพฯ กลุ่มที่เป็นชาวนครพนมเองที่มาจากต่างอำเภอ รวมไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวอีสาน
เราเริ่มศึกษาว่า อะไรที่เหมาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม เพื่อให้มานครพนมได้ทุกอาทิตย์ ตั้งแต่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ โดยไม่เบื่อ มีกิจกรรมหลายอย่างที่คอยสนับสนุน ตอนนี้หอการค้าฯร่วมกับทางจังหวัด โดยมีพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสีแก้ว เป็นที่ปรึกษา โดยจะเริ่มภายในเดือนตุลาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มเห็นผลในปี 2565
นครพนมจะมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายมิติ มิติแรกนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่เกินปี 2567 รถไฟรางคู่จะมาถึงนครพนม ภาคอุตสาหกรรมและภาคท่องเที่ยวจะเป็นส่วนขับเคลื่อนหลักในเศรษฐกิจจังหวัดนครพนม ไม่ว่าจะมีวิกฤตอะไรเราจะสามารถยืนอยู่ได้
ส่วนกิจกรรมร่วมกับกลุ่มสนุก นครพนมจะมองด้านการส่งเสริม เช่น สกลฯมีการจัดงานแห่ดาวอยู่เป็นประจำ เราควรส่งเสริมต่อยอด เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นครพนมก็มีจัดงานเคานท์ดาวน์ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งสกลนคร นครพนม งานวิ่งของหอการค้า 2 จังหวัด โดยสกลนครเป็นจังหวัดแรกที่ดำเนินการก่อน หลังจากนั้นมานครพนมได้เชิญสกลนครมาให้คำแนะนำว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ต่อมาทาง YEC (Young Entrepreneur chamber of commerce) นครพนมได้ไปคุยกับ YEC มุกดาหารเกิดเป็นแนวทางเชื่อมโยงกิจกรรมงานวิ่ง
สนามบินสกลนครและนครพนมใช้ร่วมกันได้และในอนาคต มุกดาหารจะมีสนามบินของตัวเอง จะเป็นสนามบินที่ใช้เวลาบินหากันแค่ 1 ชั่วโมง ผู้โดนสารเลือกได้ว่าจะขึ้นที่ไหน เดินทางไปที่ไหน เชื่อว่า ยุทธศาสตร์จังหวัดจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว นักลงทุนที่ค้าไปยังประเทศลาวและเวียดนาม จังหวัดรอบๆอาจจะไม่ได้มีวิวทิวทัศน์ที่เป็นภูเขาสวยๆเหมือนเราทั้ง 3 จังหวัดนี้
หากภาครัฐจะสนับสนุนภาคเอกชน อยากจะให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากโครงสร้างของประเทศเรามีผลเรื่องงบประมาณ และเรื่องการบริหารจัดการ การตัดสินใจและผู้รับผิดชอบ ต้นทางมาแบบไหนงบประมาณก็จะมาแบบนั้น เมื่อเราสวนทางกัน งบประมาณไม่มี เราก็เดินต่อไม่ได้ เชื่อว่าเราจะมีทางออกและมีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ว่าเราจะเดินไปอย่างไร
…………………………………