สธ.บึงกาฬ ยืนยัน!! ไม่มีบุคคล VIP ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ พร้อมย้ำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด

สธ.บึงกาฬ ยืนยัน!! ไม่มีบุคคล VIP ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ พร้อมย้ำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด

วานนี้ (17 ส.ค. 64) นายแพทย์ ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจ.บึงกาฬ ณ ขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมในจังหวัด 1331 คน กำลังรักษา 637 คน รักษาหายแล้วสะสม 692 คน เสียชีวิตสะสม 2 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ขอเข้ามารักษาที่จ.บึงกาฬ ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีจำนวนสะสมอยู่ 856 คน รักษาหายแล้วสะสม 717 คน กำลังรักษา 137 คน

 

การครองเตียงทั้งหมด ณ ขณะนี้มีทั้งหมด 774 เตียง ซึ่งเตียงที่เหลืออยู่มีเพียงพอในการรองรับผู้ป่วย เพราะแนวโน้มผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นและน่าจะกลับบ้านได้มีมาก และเตียงที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลก็มีเพียงพอมากขึ้น แนวโน้มผู้ป่วยที่ขอเข้ามารับการรักษาที่บึงกาฬจึงมีแนวโน้มลดลง การติดเชื้อในพื้นที่จ.บึงกาฬก็ยังมีไม่มากนัก

 

การติดเชื้อแบบคลัสเตอร์หรือการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในจ.บึงกาฬก่อนหน้านี้ ก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว กล่าวคือกรณีกลุ่มก้อนแรกคือ งานศพที่ อ.โซ่พิสัย ซึ่งเป็นคุณครูที่ไปเฝ้าคุณแม่ที่รพ.หนองคาย แล้วติดเชื้อหลังจากนั้นก็กลับมาจัดงานศพแม่ที่จ.บึงกาฬ ทำให้มีการติดเชื้อเกิดขึ้นทั้งหมด 23 ราย ซึ่งได้มีการดำเนินการรักษาและกักตัวเรียบร้อยแล้ว ส่วนในกลุ่มก้อนที่2 คือทนายที่ ต.วิศิษฐ์ ซึ่งเขายังไม่ทราบว่าติดเชื้อมาจากที่ไหน จึงถือว่าเป็นการติดเชื้อในพิ้นที่ ทนายรายนี้ มีไข้ มีอาการไอ มีน้ำมูก จึงไปตรวจที่ รพ.บึงกาฬพร้อมกับภรรยา ผลคือติดเชื้อโควิด-19 ทั้งคู่ ซึ่งทนายได้ไปทำกิจกรรมหลายอย่าง ทำให้เกิดผู้ติดเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมด 16 ราย และมีกลุ่มเสี่ยงที่กักตัวรอผลตรวจโรคในเดือนธันวาคมอีก 42 ราย ในอีกกรณีหนึ่งคือที่อ.ศรีวิไล เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากจ.ปทุมธานี ซึ่งเดินทางกลับบ้านโดยไม่มีการรายงานตัวต่อ อสม. หรือ ผู้นำชุมชน ทำให้มีผู้สัมผัสติดเชื้อเป็นบุคคลในครอบครัวจำนวน 5 คน ซึ่งตอนนี้ก็มีการดำเนินการรักษาแล้ว และทางทีมสอบสวนโรคก็อยู่ในขั้นตอนการติดตามต่อไปด้วยว่า ผู้ติดเชื้อ 5 คนนี้ได้มีการทำให้เกิดผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอื่นๆเพิ่มเติมอีกหรือไม่

 

สำหรับนโยบายการฉีดวัคซีนแบบ Walk-in ของ จ.บึงกาฬ ซึ่งขอเน้นประชาชนจังหวัดบึงกาฬเป็นหลักก่อน ส่วนคนที่มาทำงานที่จังหวัดบึงกาฬ หรือมาดูแลญาติที่บึงกาฬ ก็สามารถมาขอรับการฉีดวัคซีนได้ และจะมีการเพิ่มรถ Mobile ที่ไปบริการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ที่มีดำเนินการไปแล้ว ที่อ.โซ่พิสัย และในวันพฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. นี้จะมีการนำร่องฉีดวัคซีนที่ รพสต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังได้เข้าถึงการฉีดวัคซีนได้ง่ายขึ้น ในอ.เมืองก็มีแผนที่จะจัดรถ Mobile ไปฉีดวัคซีนให้ประชาชน ที่ รพสต. หรือที่หมู่บ้านเช่นเดียวกัน และมีการดำเนินการนำรถ Mobile ไปฉีดให้ทุกอำเภอเช่นเดียวกันนี้ต่อไป

 

การฉีดวัคซีนในจ.บึงกาฬ ณ ปัจจุบัน ฉีดไปแล้วประมาณ 12 % ของจำนวนประชากรในจ.บึงกาฬ หรือประมาณ 7 หมื่นกว่าคน กลุ่มที่ทางกระทรวงสาธารณสุขเน้นก็คือกลุ่ม 608 ซึ่ง 60 คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และ 8 คือ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และ หญิงตั้งครรภ์ ล่าสุด ในกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ฉีดไปแล้ว 15.51 %, ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ฉีดไปแล้ว 19.99 %, กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ฉีดไปแล้ว 2.2 % ซึ่งตอนนี้กำลังเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 50% ภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยง

 

นายแพทย์ ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจ.บึงกาฬ ด้านการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งทางจ.บึงกาฬได้รับมา 2 รอบ รอบแรกได้รับมา 2160 โดส รอบสองได้รับมา 720 โดส ซึ่งทางจ.บึงกาฬได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์ไปแล้วทั้งหมดเกือบ 2 พันคน ซึ่งทุกคนที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าได้รับการฉีดวัคซีนหมดแล้ว แต่มีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนเป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงยังกักตัวอยู่ซึ่งต้องรอให้ครบ 14 วันก่อนจึงจะเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ และบางส่วนปฏิเสธการรับวัคซีนไฟเซอร์เพื่อไปรับวัคซีนแอสตร้าเซเนกาก็มีจำนวนหนึ่ง และ ณ ขณะนี้มีวัคซีนไฟเซอร์เหลืออยู่ประมาณ 5 ร้อยกว่าโดส ซึ่งอาจมีการฉีดให้กับกลุ่มเด็กหรือกลุ่มด่านหน้าอื่นๆที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ต่อไป แต่ในส่วนของบุคคล VIP ที่มีข่าวปรากฎออกมาว่าได้รับการฉีดวัคซีน ทางนายแพทย์ภมร ดรุณยืนยันว่าไม่มีบุคคล VIP เพราะถ้าไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ จะขอให้รอการจัดสรรวัคซีนในรอบของประชาชนทั่วไปในภายหลัง

 

นายแพทย์สาธารณสุขจ.บึงกาฬย้ำอีกว่า แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจ.บึงกาฬจะดูคลี่คลายลงบ้าง แต่ก็อยากรณรงค์ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง เพราะการได้รับวัคซีนแล้วก็อาจจะยังติดเชื้อโรคโควิด-19ได้ แต่อาการจะไม่รุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้

 

แสดงความคิดเห็น