กรมทางหลวง ขยาย 4 ช่องจราจร ทล.202 ตอน บ.เมืองเตา – อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด แล้วเสร็จ เสริมศักยภาพด้านคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ภาคอีสาน
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวง (ทล.) โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 202 สายอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย – อำเภอเกษตรวิสัย ตอนบ้านเมืองเตา – อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทาง 15.6 กิโลเมตร แล้วเสร็จตามนโยบายด้านการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับทางหลวงหมายเลข 202 เป็นทางหลวงสายสำคัญในการเดินทางของภาคอีสาน มีจุดเริ่มต้นที่แยกทางหลวงหมายเลข 201 บริเวณสี่แยกโรงต้ม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ผ่านพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอำนาจเจริญ สิ้นสุดที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ระยะทางรวมทั้งหมด 387 กิโลเมตร โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง 380 กิโลเมตร ที่ผ่านมา ทล. ได้ก่อสร้างขยายเป็น 4 ช่องจราจรแล้วเสร็จ 148 กิโลเมตร
เนื่องด้วยมีผู้ใช้เส้นทางสายนี้เป็นจำนวนมากและมีปริมาณการจราจรที่หนาแน่นเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดเนื่องจากมีขนาด 2 ช่องจราจร ทล. เล็งเห็นความสำคัญจึงได้ปรับปรุงขยายทางหลวงสายดังกล่าวในส่วนที่เหลือ โดยขณะนี้มีส่วนที่อยู่ในขั้นตอนการออกแบบรายละเอียดและเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นระยะทาง 81 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างอีกระยะทาง 135.4 กิโลเมตร และปัจจุบันได้ก่อสร้างแล้วเสร็จบางส่วนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทาง 15.6 กิโลเมตร ระหว่าง กม. ที่ 162+000 – 164+024 กม. ที่ 165+411 – 167+300 และ กม. ที่ 172+000 – 183+772 โดยก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร (ไป – กลับ) ผิวทางและไหล่ทางเป็นแอสฟัลท์คอนกรีต ผิวจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1.50 เมตร ส่วนไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร พร้อมปรับปรุงเกาะกลาง มีการก่อสร้างสะพานเพื่อให้รถขนาดเล็กสามารถลอดกลับใต้สะพานได้ จำนวน 2 แห่ง และก่อสร้างสะพานข้ามคลอง จำนวน 5 แห่ง พร้อมติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างบนทางหลวง งบประมาณ 796,296,000 บาท
ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ระหว่างจังหวัดร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายการคมนาคมขนส่งให้มีความสะดวกรวดเร็วและความปลอดภัย สามารถรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ช่วยลดอุบัติเหตุในการเดินทางบนถนน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในพื้นที่และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
แสดงความคิดเห็น