การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหากเราจำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อนำมาลงทุนประกอบอาชีพหรือเพื่อซื้อสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับชีวิตและครอบครัวของเรา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การต้องรู้จักบริหารจัดการหนี้ไม่ให้เกิดปัญหาจนไม่สามารถชำระหนี้ได้และอาจถูกเจ้าหนี้ติดตามทวงถามหรือฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งจะนำความทุกข์มาสู่ชีวิตของเรา วันนี้จึงขอเสนอ 3 เทคนิคที่จะช่วยให้เราบริหารจัดการหนี้ได้อย่างเป็นสุขกันค่ะ
เทคนิคแรก เริ่มต้นด้วยการรู้จักจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายของเราในแต่ละวันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะการจดบันทึกจะช่วยบอกเราได้ว่า ในแต่ละวันเราใช้เงินไปกับสิ่งใดบ้าง ซึ่งในยุคดิจิทัลนี้ก็มีแอปพลิเคชันมากมายให้เราเลือกใช้เป็นตัวช่วยในการบันทึกรายรับ-รายจ่าย ทำให้เราสะดวกสบายขึ้น และยังสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เราได้เลย โดยที่เราไม่ต้องคำนวณเองการจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย นอกจากจะทำให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถนำข้อมูลมาปรับวิธีใช้จ่ายเงินและควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญทำให้เราเห็นยอดรวมของ “รายรับ” กับ “รายจ่าย” ในแต่ละเดือน ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพการบริหารจัดการการเงินของเราได้ดียิ่งขึ้น
เทคนิคที่สอง หลังจากสร้างนิสัยในการจดบันทึกรายรับรายจ่ายของตนเองได้แล้วก็ควรเริ่มที่จะแยกรายจ่ายที่จำเป็นและรายจ่ายที่ไม่จำเป็นของเราออกมาให้ชัดเจน ซึ่งผู้เขียนเองไม่อยากให้ทุกท่านก่อหนี้เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายซื้อของไม่จำเป็น จนวันหนึ่งเมื่อเรารับภาระหนี้ไม่ไหวถึงขนาดต้องนำของที่จำเป็นมาขายเพื่อชำระหนี้กันนะคะ
เทคนิคนี้เราต้องเรียนรู้ที่จะลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง เพื่อให้เรามีเงินเหลือเก็บออมหรือนำมาชำระหนี้ได้เพิ่มมากขึ้นด้วย แม้จะทำให้เรามีความสุขลดน้อยลงจากการไม่ได้ใช้จ่ายตามใจที่เราต้องการ แต่ก็จะทำให้เราไม่มีความทุกข์จากปัญหาเรื่องหนี้แถมไม่ต้องกังวลในเรื่องต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาจากการผิดนัดชำระหนี้ของเรา ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากเบี้ยปรับ ค่าธรรมเนียม หรือการฟ้องร้องด้วยค่ะ
เทคนิคสุดท้าย ได้แก่ การจัดทำแผนการใช้เงินและชำระหนี้อย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยการจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่าย อะไรที่สำคัญเขียนไว้เป็นอันดับแรก ๆ เช่น ค่าอาหารในแต่ละวัน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเทอม เป็นต้น ส่วนอะไรที่ไม่สำคัญหรือสามารถรอได้ก็ควรชะลอไปก่อน เช่น เสื้อผ้าใหม่ โทรศัพท์ใหม่ หรือการไปเที่ยว เป็นต้น เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือนั้นมาชำระหนี้หากเราสามารถชำระหนี้ได้ครบตามสัญญาจนหมดหนี้แล้ว หลังจากนั้นเราก็จะสามารถใช้เงิน
ได้ตามแผนการใช้เงินตามที่เราตั้งใจไว้ในอนาคตได้
สำหรับท่านใดที่เป็นหนี้ และบางท่านกำลังประสบกับภาวะวิกฤติจากโควิด-19 ในช่วงเวลานี้ ลองนำ 3 เทคนิคนี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเรากันนะคะ ในเมื่อตัวเราเป็นผู้สร้างหนี้
เราก็ต้องมีวิธีจัดการหนี้ได้ด้วยตัวของเราเอง โดยเริ่มด้วยการให้กำลังใจตัวเองว่า เราจะฝ่าฟันปัญหาหนี้ได้แน่นอนถ้าเราเริ่มสร้างวินัยด้วยการจดรายรับ-รายจ่าย วิเคราะห์แยกแยะว่ารายการไหนที่จำเป็นและไม่จำเป็น จากนั้นจึงทำแผนการชำระหนี้ และลงมือปฏิบัติตามแผนอย่างมีวินัยในที่สุดเราจะสามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างเป็นสุขค่ะ
…………………….
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
โดย- นางสาวรัมณีย์ พระโคตร ผู้วิเคราะห์อาวุโส ส่วนคุ้มครองและให้ความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน