เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2564 ศ.นพ. สมศักดิ์ เทียมเก่า รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเผยผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวระบุว่า ขอนแก่นวิกฤติแล้ว ทั้งคนไข้โควิดและโรคอื่นๆ เหตุจากความอ่อนล้า
ความอ่อนล้า คือ ความเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลียโดยเริ่มที่ละน้อย และค่อยๆ สะสมมากขึ้นเรื่อยจนเกิดความอ่อนล้า หมดแรง หมดความสนใจและตั้งใจ เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด 19 ครั้งนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายนจงถึงปัจจุบัน ก็เป็นเวลากว่า 6 เดือน ทีมสุขภาพทุกคน เจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคนทั้งในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาล ตลอดจนคนส่วนหนึ่งในสังคมมีความอ่อนล้า และเบื่อหน่ายเกิดขึ้น เพราะทุกคนต้องเผชิญทั้งปัญหาการระบาดของโรคโควิด และปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อรัฐบาลมีนโยบายลดหย่อนความเข้มงวดในมาตรการต่างๆ รวมทั้งนโยบายการเปิดประเทศ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถหมุนเวียนภาวะเศรษฐกิจที่ตึงเครียดได้ ก็ยิ่งส่งเสริมให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ในขณะที่วัคซีนนั้นยังไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลให้เกิดการระบาดหนักหน่วงขึ้นในต่างจังหวัดที่มีประชากรจำนวนมาก หรือเป็นเมืองเศรษฐกิจ เช่น ขอนแก่นตอนนี้ ถึงแม้จำนวนผู้ป่วยในแต่ละวันอาจไม่ติด 1 ใน 10 จังหวัดก็ตาม แต่ยอดผู้ป่วยก็มีจำนวนสูงมาตลอด ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นจำนวนมาก โรงแรมในอำเภอเมืองของขอนแก่นกว่า 1 พันห้องปรับเปลี่ยนเป็น Hospitel
ตลอดจนเกิดการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ในแผนกต่างๆ ของหลายโรงพยาบาลทำให้มีปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ และยิ่งทุกคนมีความเหนื่อยล้ามาร่วมด้วย ก็ยิ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพการดูรักษาผู้ป่วยนั้นมีขีดจำกัดมากยิ่งขึ้น คนไข้โรคอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบ เพราะจำนวนเตียง และทีมแพทย์ พยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยไอซียูก็ขาดกำลัง และพลัง เพราะมีความอ่อนล้าเกิดขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนในจังหวัดขอนแก่นต้องช่วยกัน คือ
1. กระตุ้นเตือนให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งช่วงนี้มีการฉีดเข็มหนึ่งให้กับผู้ที่ต้องการ โดยไม่ต้องจองคิว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ มีโรคร่วมต่างๆ เพราะถ้าท่านติดเชื้อจะมีอาการที่รุนแรง รักษายาก ยิ่งในช่วงเวลานี้จำนวนห้องความดันลบนั้นมีไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยอาการหนัก
2. การทำกิจกรรมนอกบ้านเท่าที่จำเป็นจริงๆ และทุกกิจกรรมต้องยกการ์ดให้สูงที่สุด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการระบาดของโรค
3. ผู้ป่วยที่ติดเชื้อต้องให้ความร่วมมือในการรักษาตนเอง ปฏิบัติตามแนวทางต่างๆ ที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel กำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่หนีออกจากโรงพยาบาล หรือแอบดื่มสุรา สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติดในขณะที่เข้ารับการรักษาพยาบาล
4. ลดการเดินทางไปในที่มีการแออัดของคนจำนวนมาก และควรใส่หน้ากาก 2 ชั้น คือ หน้ากากอนามัยเป็นชั้นแรกและหน้ากากผ้าเป็นชั้นนอก ล้างมือบ่อยๆ ไม่ยืนคุยใกล้ๆ กัน ไม่ทานอาหารร่วมกัน