ตร.รวบผู้ต้องหาอ้างเป็นพี่ชายบิ๊กโจ๊ก หลอกฝากเข้า ตร. ทหาร

  ตำรวจจังหวัดขอนแก่น จับกุมผู้ต้องหาอ้างตนเป็นพี่ชาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. หลังหลอกลวงชาวบ้านว่า สามารถฝากเข้าเป็นตำรวจ ทหาร มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก

9 มิถุนายน 2565 จากกรณี มีผู้เสียหายร้องเรียนมายังสื่อมวลชน ว่ามีพระภิกษุอ้างตนเป็นพี่ชาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าสามารถฝากลูกหลาน เข้ารับราชการเป็นตำรวจและทหาร โดยเสียค่าใช้จ่ายรายละประมาณ 100,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อ ซึ่งก่อเหตุบริเวณพื้นที่ จ.ขอนแก่น และจ.มหาสารคราม

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 9 มิถุนายน 2565 พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภาค 4  พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวเวลา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น คือ นายอภิรักษ์ จุลจรัสภากร อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 555 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. ในข้อหา “ฉ้อโกง” โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเช่าเลขที่ 93/1 หมู่ 3 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร

พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น กล่าวว่า พฤติการณ์ในคดีนี้ นายอภิรักษ์ ฯ ได้บวชเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดปธรรมจักร บ้านท่าแก ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับฉายา “พระอภิรักษ์ อภิปุญโญ” และเริ่มตีสนิทญาติโยมที่มาทำบุญตามวัดต่าง ๆ โดยอ้างตนเองมียศนายพลทหารและมาบวชเป็นพระภิกษุ

มีน้องชายคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. สามารถฝากบุคคลเข้ารับราชการตำรวจและทหาร มีโควต้าปีละ 2 คน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท จนมีชาวบ้านหลงเชื่อและจ่ายเงิน เมื่อนายอภิรักษ์ฯ ได้เงินแล้ว ก็จะย้ายวัดไปจำวัดที่วัดอื่นต่อ และหลอกลวงญาติโยมที่มาทำบุญในลักษณะเดียวกันที่วัดอื่นต่อ จนถูกดำเนินคดีและออกหมายจับ ต่อมาจึงได้ลาสิกขาบทจากความเป็นพระในพื้นที่ จ.ตาก และหลบหนีไปตามพื้นที่ต่าง ๆ จนมาถูกจับกุมได้ที่ อ.สวี จ.ชุมพร

จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายอภิรักษ์ ฯ ผู้ต้องหา เคยถูกกองปราบจับกุมโดยกระทำความผิด ในลักษณะเดียวกันมาก่อนเมื่อปี 2558-2559 โดยก่อเหตุในพื้นที่ จ.อ่างทอง เมื่อพันโทษ ในปี 2564 ได้บวชเป็นพระและมาก่อเหตุซ้ำอีก

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีผู้เสียหาย ในลักษณะคล้ายกันถูกนายอภิรักษ์ฯหลอก โดยเหตุเกิดในเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น 2 คดี และ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามอีก จำนวน 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 500,000 บาท และขอประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาซนทราบ หากทราบว่าตนเองถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะเดียวกันนี้ ขอให้แจ้งมายัง สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก.

แสดงความคิดเห็น