อนุทินเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย

“อนุทิน” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หนองคาย ทั้ง 3 เขต ชูนโยบายพักหนี้ 3 ปี มีเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด ฟอกไตฟรี และฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ลดค่าไฟฟ้าหลังคาเรือนละ 450 บาท/เดือน มีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้ผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด ยืนยันจะไม่โต้ตอบ ไม่ทะเลาะกับใครอีก ขอทำงานอย่างเดียว ใครมาทะเลาะจะไม่ตอบโต้ ให้เหมือนเขาทะเลาะกับเสาไฟฟ้า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ ที่ไม่พูดก็ทำ หากเป็นรัฐบาลจะขออยู่กระทรวงสาธารณสุข คมนาคม และมหาดไทย อีก

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2565) ที่ลานนาคาเบิกฟ้า 2 ในเขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข / หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย , นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงคมนาคม , นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย , นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมแก่นนำพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดหนองคาย ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายเสถียร ผาณิบุศย์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 , ทพญ.จิดาภา สุนทรธนากุล ว่าที่ผู้สมัคร เขต 2 และ นายกฤศภณ หล้าวงศา ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 โดยมีประชาชนและผู้สนับสนุนเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ กว่า 1 หมื่นคน เต็มลานนาคาเบิกฟ้า 2 โดยมีการชูนโยบายพักหนี้ 3 ปี มีเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด ฟอกไตฟรี และฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ลดค่าไฟฟ้าหลังคาเรือนละ 450 บาท/เดือน มีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้ผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ ที่ไม่พูดก็ทำ หากเป็นรัฐบาลจะขออยู่กระทรวงสาธารณสุข คมนาคม และมหาดไทย อีก
นายอนุทิน กล่าวว่า ทางพรรคได้เลือกมาที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ริมฝั่งแม่น้ำโขง ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวจังหวัดหนองคายอย่างอุ่นหนาฝาคลั่ง ถือเป็นสิ่งที่มันเปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนมั่นใจว่าเกิดจากที่ทางพรรคฯได้เลือกว่าที่ผู้สมัครฯของพรรคที่ชาวบ้านให้ความไว้วางใจ และชาวบ้านมั่นใจในผู้สมัครของพรรคฯ ที่สำคัญที่สุดคือชาวบ้านได้เห็นผลงานของพรรคภูมิใจไทยที่ได้ทำมาตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ส่งการบ้านทุกเรื่อง ได้ตอบสนองนโยบายทุกนโยบาย รวมทั้งได้ต่อสู้เพื่อรักษาประโยชน์ของพี่น้องประชาชน รักษาประโยชน์ของประเทศไทยในทุก ๆ เรื่องจนได้รับความไว้ใจและมั่นใจจากพี่น้องประชาชน มันจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นเกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งที่จังหวัดหนองคายทางพรรคยังไม่เคยมี ส.ส.เข้ามาเลย
ส่วนถ้าให้ประเมินว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ส.ส.เท่าไหร่นั้น นายอนุทินบอกว่า ยังประเมินไม่ได้ เพราะคนที่จะตัดสินให้เราคือพี่น้องประชาชน สิ่งที่เราต้องทำคือสร้างความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่น สร้างความเชื่อถือให้กับประชาชนเหมือนที่พรรคฯทำมาโดยตลอด ซึ่งที่ตนพูดเป็นความจริง สมัยก่อน 5 – 10 ปีก่อนมาที่จังหวัดหนองคาย แทบจะหาคนที่สนับสนุนไม่มีเลย เพราะจังหวัดหนองคายเป็นการเมืองแบบกระแส แต่หลังจากระบอบประชาธิปไตยได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ตัวแทนของประชาชนอย่างพรรคภูมิใจไทยได้เข้าไปมีโอกาสทำงานในรัฐบาล และสามารถทำงานให้ประชาชนเห็นได้ว่าเราไม่ได้เลือกเลยว่า ใครไม่เลือกภูมิใจไทยแล้วเราจะไม่ทำงานให้ เราทำงานให้หมดไม่ว่าจะเป็นคนกรุงเทพฯ หรือคนจังหวัดใด ๆ ก็ตาม ถ้าเป็นประโยชน์ของประเทศชาติ ของประชาชนเราทำทุกอย่างไม่เลือกที่ ตนคิดว่าในสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนได้เห็น และตนคิดว่าประชาชนจะให้โอกาสเราได้ทำงานต่อไป
นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า คำว่าการปักเสาเข็มนั้น ทางพรรคเชื่อว่าเราจะสามารถทำงานในพื้นฐานที่เราได้ให้สัญญาไว้กับประชาชน และเราก็สร้างความมั่นใจไปเรื่อย ๆ จากอำเภอหนึ่งไปอีกอำเภอหนึ่ง รวมเป็นจังหวัดหนึ่ง ข้ามไปอีกจังหวัดหนึ่งเรื่อย ๆ นี่คือการปักเสาเข็มให้ฐานของเราแผ่ขยายไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ซึ่งทางพรรคต้องส่งผู้สมัครเพิ่มมากขึ้นในเขตที่คิดว่า ผู้สมัครของพรรคเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน
ส่วนเรื่องกัญชาที่ยังมีการตอบโต้กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอนุทิน บอกว่า ไม่เป็นไรเราผลักดันมาจนถึงจุดนี้ได้ถือว่าประสบความสำเร็จ นี่คือความมั่นใจของพี่น้องประชาชน มีกฎหมายหรือไม่มีกฎหมาย กัญชาก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ ไม่มีผลกระทบใด ๆ กับประชาชน พรรคที่ไม่สนับสนุนให้มีกฎหมายมาควบคุมกัญชา ก็เป็นพรรคที่จะต้องไปอธิบายกับประชาชนว่าเหตุใดถึงไม่ให้มีกฎหมาย ทั้งที่มีการลงมติรับหลักการในวาระแรกไปแล้ว ซึ่งวาระแรกมี 45 มาตรามีการรับหลักการ โดยที่ไม่มีเขามาเกี่ยวข้อง หลังจากรับหลักการตั้งกรรมาธิการ มีตัวพรรคพวกเขามาเกี่ยวข้อง ขยายจาก 45 มาตราเป็น 95 มาตรา มีการควบคุม มีการร่างมาตราที่ปิดความกังวล ปิดความหวาดวิตกของประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการเล่นเกมทางการเมือง แต่ว่าเราหยุดเถียงแล้ว ทำงานดีกว่า เพราะเรามีความมั่นใจว่า เรามาถูกทาง เราทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน จึงมั่นใจว่าประชาชนยังให้การตอบรับในผลงานของเราเป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาที่คนมีความมั่นใจแล้วก็จะไม่ต้องไปเถียงอะไรกับใคร ส่วนคนที่ยังไม่มีความมั่นใจก็จะต้องหาเรื่องไปเรื่อย ๆ เถียงไปตอบตรงนี้ไปเดี๋ยวจะมีเรื่องอื่นขึ้นมา คิดเพื่อจะตัดแข้งตัดขา ประเทศชาติไม่ไปไหน เมื่อเราเห็นเขาขวางอยู่เราก็หลบเลี่ยง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไป ไม่ต้องไปคุยกับเขา ไม่ต้องไปเถียงกับเขา ไม่ต้องไปทะเลาะกับเขา ทำงานไป มือทำงาน สมองคิด เท้าเก้าเดินไปข้างหน้า นี่คือภูมิใจไทย
ส่วนการที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้วคุยกันไม่ได้เหรอ นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า มันใกล้จะจบแล้ว เพราะเต็มที่ก็คือถึงเดือนมีนาคม 66 ไม่เป็นไรเราก็ต้องทำงาน ต่างคนก็ทำงานในกระทรวงที่ตนเองรับผิดชอบ ตนคิดว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งในเมื่อพรรคภูมิใจไทยไม่ไปเถียงกับเขาไม่ไปทะเลาะกับเขาอย่างแน่นอน เราเชื่อมั่นว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราก็ทำงานของเรา เขาจะพูดอะไรมา ขวางอะไรมา ด่าทออะไรมา ด้อยค่าอะไรเรามา ประชาชนเห็น เขาคงต้องไปพูดกับเสาไฟฟ้า หรือไปพูดกับต้นไม้ เพราะพรรคภูมิใจไทยคงไม่ไปเถียง คงไม่ไปทะเลาะอะไรด้วย ส่วนที่นายกฯไม่เข้ามายุ่งเหมือนลอยตัวนั้น ก็เป็นสไตล์ของแต่ละคน นี่เป็นเรื่องของการเมือง พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่าได้ทำทุกอย่าง อย่างเหมาะสม ถูกต้องเป็นประโยชน์กับประชาชนแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะยืนอยู่ตรงจุดนี้ ดีแล้วที่ท่านนายกฯไม่มายุ่ง เดี๋ยวท่านมาสั่งอะไรแล้วเราทำไม่ได้ ก็จะทำให้ท่านโมโหโทโสเราเปล่า ๆ เราไม่ต้องการมีทะเลาะกับใคร เราต้องการให้คนรักเรา
ส่วนสนามเลือกตั้งอาจจะมีการเปิดศึกระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีศึกอะไร มีแต่ศึกสายน้ำผึ้ง มีแต่ความหวาน เพราะเราไม่เถียงกับเขา เขาอยากพูดอะไรก็ให้เขาพูดมา อันไหนเราทำได้เราทำ อันไหนเราทำไม่ได้เราก็ยืนตามหลักของเรา เราไม่ต่อล้อต่อเถียง เราไม่ทะเลาะเบาะแว้ง เราไม่ห้ำหั่นกันอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เพราะพรรคภูมิใจไทยโดนกระทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเพราะพรรคภูมิใจไทยทำงานหนัก พรรคที่ไม่ค่อยทำงานก็จะมาละรานเรา คือพรรคภูมิใจไทยถูกละรานแต่ไม่ได้ไปละรานใคร กลัวจะตาย ใคร ๆ ก็รู้อนุทินไม่สู้คน ส่วนท่านจุรินทร์นั้นท่านไม่เคยไหว้ตนทัน ตนไหว้ท่านก่อนทุกครั้ง ไม่มีปัญหา ท่านมีความอาวุโส ท่านเป็นนักการเมืองอาวุโส ท่านเป็นรัฐมนตรี ท่านเป็นรองนายกรัฐมนตรี ยังไงในเรื่องของมารยาท เราก็ต้องแสดงความเคารพ เป็นเรื่องปกติธรรมดา ส่วนจะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไปหรือไม่ เอาไว้ให้เลือกตั้งเสร็จก่อนค่อยว่ากัน ซึ่งตนก็ไม่ได้ตัดพ้อเรื่องกฎหมายกัญชา ตนได้ตรวจเช็คไปแล้วกฎหมายจะผ่านหรือไม่ผ่านตนไม่สนใจตน ขอให้ประชาชนไปได้ ประชาชนไม่มีอะไรถูกกระทบ ประชาชนเข้าถึงกัญชาได้ กัญชาถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้ กฎหมายผ่านไม่ผ่าน ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือพรรคที่ค้าน ก็ไปช่วยกันตอบประชาชนให้พรรคภูมิใจไทย ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วย.

แสดงความคิดเห็น