เครือข่ายภูมิปัญญาภาคอีสานฯยื่น 4 ข้อเสนอหนุนกัญชารักษาโรค

เครือข่ายภูมิปัญญาภาคอีสานฯยื่น 4 ข้อเสนอต่อนายอนุทิน รองนายกฯ และ รมต.สธ.หนุนกัญชารักษาโรค 1.เรียกร้องสิทธิของผู้ป่วยในการเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์ 2.ส่งเสริมสนับสนุนสิทธิของประชาชนในการดูแลสุขภาพของตนเอง 3. รัฐจัดอบรมให้ความรู้เรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้อง แก่ผู้ลงทะเบียนการครอบครองกัญชาทางการแพทย์และ 4.ขอให้เปิดรับการลงทะเบียนการครอบครองกัญชาทางการแพทย์ในรอบที่ 2

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 นายสุทธี ปุราทะกา ผู้ประสานงานเครือข่ายภูมิปัญญาอีสานเพื่อการพึ่งตนเอง และคณะ ได้ยื่นหนังสือ เรื่อง ข้อเสนอเรื่องการใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์
กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปราชการเป็นประธานพิธีการเปิดการประชุมวิชาการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (National Health R2R Forum) ประจำปี 2562 ภายใต้หัวข้อ “Meta R2R to Value Based Healthcare” ที่ จ.ขอนแก่น
นายสุทธี ปุราทะกา กล่าวว่า เครือข่ายภูมิปัญญาอีสานเพื่อการพึ่งตนเอง เป็นการรวมตัวขององค์กรภาคประชาชนจากหลากหลายเครือข่าย เช่น เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เครือข่ายชุมชนแออัด เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง สภาองค์กรชุมชน ฯลฯ ได้ติดตามและร่วมรณรงค์ให้ผู้ป่วยได้ใช้กัญชาในการรักษาโรค มีการจัดเวทีให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาในการรักษาโรคให้กับประชาชนผู้สนใจ มีการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนพึ่งตนเองในการดำรงชีวิต ได้แก่ การทำเกษตรอินทรีย์ การใช้สมุนไพรในการรักษาตนเอง เป็นต้น

พวกเราชาวอีสาน จึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอันถูกครองงำด้วยบริโภคนิยมและกลุ่มทุนนิยมผูกขาดไปสู่การพึ่งตนเอง ด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตบนรากฐานของภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งจะก่อให้เกิดความมั่นคง มั่นใจและยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ดังเช่นการปรับเปลี่ยนวิถีแบบเกษตรเคมีสู่เกษตรอินทรีย์ การพึ่งการแพทย์แผนตะวันตก สู่การพึ่งการแพทย์แผนไทยด้วยภูมิปัญญาตะวันออก การจัดระบบการศึกษาเพื่อการถ่ายทอดภูมิปัญญาพื้นบ้านสู่อนุชนรุ่นหลัง ดั่งปรากฏเป็นรูปธรรมแพร่ขยายไปในวงกว้าง

ครั้นเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลท่าน รมต.อนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศต่อสาธารณชนในการปลดล็อคกัญชาอันเป็นสมุนไพรโบราณออกจากบัญชียาเสพติด ทำให้พวกเราชาวอีสานมีความชื่นชมในความกล้าหาญและวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าของท่านและคณะเป็นอย่างยิ่ง จึงขอสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อวีรกรรมในครั้งนี้เมื่อพิจารณาจากตัวบทกฎหมายที่ส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคประชาชนเกิดความเข้มแข็งในด้านต่างๆ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยมาตรา 43
บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิ อนุรักษ์ฟื้นฟูหรือส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีอันดีงามทั้งของท้องถิ่นและของชาติสิทธิของบุคคลและชุมชนตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึง สิทธิที่จะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือรัฐในการดำเนินการดังกล่าวด้วยมาตรา 46

สิทธิของผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครองบุคคลย่อมมีสิทธิรวมกันจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคองค์กรของผู้บริโภคตามวรรคสองมีสิทธิรวมกันจัดตั้งเป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระเพื่อให้เกิดพลังในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ทั้งนี้หลักเกณฑ์และวิธีการจัดตั้ง อำนาจในการเป็นตัวแทนของผู้บริโภค และการสนับสนุนด้านการเงินจากรัฐ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติมาตรา 47

บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติบุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ในนามเครือข่ายภูมิปัญญาอีสาน เพื่อการพึ่งตนเอง ขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความคิดริเริ่มของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล และคณะในการปลดล็อกกัญชาอันเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านให้กลับคืนสู่วิถีดั้งเดิมของประชาชนรากหญ้า ทางเครือข่ายภูมิปัญญาอีสาน เพื่อการพึ่งตนเอง จึงมีข้อเสนอต่อท่าน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาที่ใช้ทางการแพทย์ ดังต่อไปนี้

1.เรียกร้องสิทธิของผู้ป่วยในการเข้าถึงยากัญชาและเลือกวิธีการรักษาโรค เคารพภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เข้าถึงง่าย สะดวก ปลอดภัย ราคาเป็นธรรม คัดค้านการผูกขาดยากัญชาจากบริษัทยาและการนำเข้ายากัญชาจากต่างประเทศ

2.ส่งเสริมสนับสนุนสิทธิของประชาชน ในการดูแลสุขภาพของตนเอง สิทธิที่จะรวมตัวกันจัดการระบบสุขภาพตนเอง โดยมีธรรมนูญสุขภาพตำบลเป็นกลไกในการควบคุมดูแล อีกทั้งเป็นการดำเนินไปตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่จะให้แต่ละครัวเรือนสามารถปลูกกัญชาได้บ้านละ 6 ต้น โดยไม่ผิดกฎหมาย

3.ช่วงหลังการประกาศนิรโทษการครอบครองกัญชา คือหลังวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ที่มีประชาชนยื่นลงทะเบียนครอบครองกัญชาทางการแพทย์ เสนอให้มีการดำเนินการ เพื่อให้บุคคลที่ลงทะเบียนครอบครองกัญชาทางการแพทย์ มีความมั่นใจว่าจะไม่ถูกดำเนินการใดๆ จากหน่วยงานรัฐ และเสนอให้หน่วยงานรัฐจัดอบรมให้ความรู้เรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้อง แก่ผู้ลงทะเบียนการครอบครองกัญชาทางการแพทย์

4.ให้มีการเปิดรับการลงทะเบียนการครอบครองกัญชาทางการแพทย์ในรอบที่สอง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถครอบครองกัญชาทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง

แสดงความคิดเห็น