มองไทย มองเทศ:ทิศทางการศึกษาไทยยุคประยุทธ์2

แถลงนโยบายรัฐบาลประยุทธ์2เรียบร้อยแล้วเมื่อ 25-26 กรกฏาคมที่ผ่านมา2วัน2คืนเต็มๆสำหรับแฟนๆคอการเมืองทั้งหลายต่างอดตาหลับขับตานอนกันไปตามๆกันเพราะห่วงการบ้านการเมืองมา5-6ปีหลังคสช.ยึดอำนาจได้เห็นเฉพาะหน้าของพลอ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เต็มจอทีวีวันละหลายๆเที่ยวโดยไม่มีฝ่ายค้านออกมาให้เหม็นลูกตา จนมาปีนี้หลังคสช.ยุบอำนาจตนเองลงถ่ายโอนอำนาจมาให้รัฐบาลประยุทธ์ 2 พร้อมๆกับแถลงนโยบายทุกกระทรวงท่ามกลางการยกมือประท้วงกันเป็นว่าเล่นในสภา แต่ดีว่ามีประธานรุ่นเก๋าอย่างลุงชวน หลีกภัย คุมเกมสภาอยู่ก็เลยไม่เกินกำหนด2วันที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ และที่อดจะพูดถึงไม่ได้ก็คือดาวสภาที่เกิดขึ้นในการเปิดอภิปรายใหญ่คราวนี้หลายคน

จะขอโฟกัสไปที่ประเด็นการอภิปรายเกี่ยวกับการศึกษาไทยคราวนี้มี ส.ส.ส.ว.หลายคนที่โฟกัสในเรื่องของการศึกษาเอาไว้คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นส.ส.ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายให้เห็นภาพรวมกระทรวงศึกษาที่รมต.ฝ่ายรัฐบาล ไม่มีใครสนใจทั้งๆที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่สร้างคนสร้างชาติ ก็ไม่มีใครอยากมานั่งบริหารแถมรัฐบาลที่ผ่านมาของคสช.ก็เอามาตรา44มารังแกครูหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องปรับโครงสร้างระดับจังหวัด เอาศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัดมาบริหารจัดการแทน เอาผู้ว่าที่มีงานมากอยู่แล้วมาเป็นประธานบริหารทำให้โครงสร้างการศึกษาวุ่นวายไปหมด รวมถึงการตั้งคณะกรรมการอิสระมาปฎิรูปการศึกษาโดยร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติขึ้นมาใหม่ยิ่งสับสนวุ่นวายทางการศึกษามากขึ้น ซึ่งก็ได้รับแรงสนับสนุนจาก ส.ส. ที่เป็นสายครูมาก่อนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลหลายคนขึ้นอภิปรายสนับสนุน เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นส.ส.โสภณ ซารัมย์ พรรคภูมิใจไทย ส.ส.ปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน รวมไปถึงสว.รุ่นเก๋าอย่าง สว.ตวง อันทะไชย ที่อภิปรายสนับสนุนการปฎิรูปการศึกษาเอาไว้อย่างน่าฟัง

ส่วนดาวสภาที่อภิปรายเรื่องการปฎิรูปการศึกษาจนสื่อมวลชนทางโซเชียล ยกย่องให้เป็นดาวสภาที่อภิปรายเรื่องการปฎิรูปการศึกษาเอาไว้อย่างน่าฟังก็คือ น.ส.กุลธิดา รุ่งเรื่องเกียรติ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่ได้อภิปรายถึงการปฎิวัติการศึกษาไทยโดยตั้งโจทย์เอาไว้ว่า ทำอย่างไรการปฎิรูปการศึกษาไทยจะลงไปถึงโรงเรียนเพราะน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ขวางกั้นอยู่จะต้องมีการยุบทำลายให้มันออกไปจากสิ่งกีดขวางเหล่านี้โดยการยุบโครงสร้างและยุบโครงการที่ไม่จำเป็นในกระทรวงศึกษาธิการทิ้งไปให้หมด สอดคล้องกับคำอภิปรายของ ส.ส.ครูมานิตย์ ส.ส.โสภณ ส.ส.ปรีดา และ ส.ว.ตวงที่กล่าวมาข้างต้น

การขับเคลื่อนการปฎิรูปการศึกษาหากยุบโครงสร้างที่ระเกะระกะในระดับกระทรวง ระดับภาค ระดับจังหวัด ออกไปยุบโครงการหลายร้อยโครงการที่มอบหมายให้ครูทำโดยไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาออกไป จะได้งบประมาณมหาศาลคืนมา แล้วกระจายอำนาจ กระจายงบประมาณเหล่านั้นคืนไปสู่โรงเรียน โดยให้ชุมชน ครู นักเรียน และองค์กรในพื้นที่เขาบริหารจัดการกันเอง มีการเพิ่มทักษะอาชีพ และทักษะชีวิตให้กับนักเรียนให้มากขึ้นบนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า เราต้องการสังคมอย่างไรเราต้องสร้างห้องเรียนและสร้างโรงเรียนให้เป็นอย่างนั้น

เพราะฉะนั้นรัฐบาลประยุทธ์2โดยท่านรมว.ศธ.คนใหม่นายณัฎฐพล  ทีปสุวรรณ ซึ่งถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ท่านสามารถเก็บเอาคำอภิปรายในสภาจากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลและส.ว.ทั้งหลายที่ช่วยกันนำเสนอมาประกอบกับแนวคิดของท่านที่พูดต่อหน้าสื่อมวลชนและเฟสบุ๊ค ของท่านเมื่อวันที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ว่าจะใช้ประสบการณ์ที่มีเพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาขับเคลื่อนนโยบายต่างๆของกระทรวงศึกษาธิการให้มีความก้าวหน้าและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาและการเรียนรู้ในโลกที่กำลังโดนเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว

ซึ่งผู้เขียนเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมาการศึกษาไทยล้าหลังกว่าหลายประเทศที่เคยตามหลังประเทศไทยมาก่อนไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และฯลฯ ในอาเซียน อยากเห็นท่านรมว.ศธ.คนใหม่ประกาศออกมาว่าอีก 4 ปีข้างหน้าเราจะเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียนให้ได้ครับ

บทความโดย: ดร.เพิ่ม  หลวงแก้ว เลขาธิการมูลนิธิครูประชาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

แสดงความคิดเห็น