สมาคมฌาปนกิจครูโคราช 3 องค์กรวุ่นหนัก ถูกสั่งเพิกถอนให้กลับไปจัดตั้งใหม่ให้ถูกต้อง

สมาคมฌาปนกิจโคราชกว่า 5 หมื่นวุ่นหนัก นายทะเบียนฯประจำท้องที่เทศบาลปรุใหญ่รับรอง แต่ถูกนายทะเบียนกลางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์กลางสั่งให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ปี 2561 และเพิกถอนการรับจดทะเบียนแต่งตั้งและเปลี่ยนตัวกรรมการสมาคมฯ  เนื่องจากไม่มีมติที่ประชุมใหญ่รับรอง และให้สมาคมฯ องค์กรที่เหลืออีก 2 องค์กรได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

นายพิชัย สมพงษ์ สมาชิก สมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจำกัด (ส.ส.นม.) เปิดเผยว่า กรณีที่ตนพร้อมด้วยนายสัมนา ฉัตรบูรณจรัส นายสำเภา ทวีผล และนายเสน่ห์ สุขนาคินทร์ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่เทศบาลตำบลปรุใหญ่ว่ากรรมการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจำกัด(ส.ส.นม.) ได้มาโดยไม่ชอบ

ทั้งนี้เพราะมิได้จัดประชุมใหญ่และมิได้ส่งหนังสือให้สมาชิกทุกคนทราบตามกฎหมาย นายทะเบียนฯประจำท้องที่กลับให้คำตอบว่ากรรมการ ส.ส.นม. ได้มาโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว ลำดับต่อมาตนได้ทำเรื่องเสนอนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์กลาง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายทะเบียนฯกลางได้ตอบหนังสือมาตามหนังสือที่ พม 0505/2312 ความว่า

1.ให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ปี 2561 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 ที่ได้นัดประชุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 2. ให้เพิกถอนการรับจดทะเบียนแต่งตั้งและเปลี่ยนตัวกรรมการของสมาคมฯชุดที่ 11 เนื่องจากไม่มีมติที่ประชุมใหญ่รับรอง และ 3. ให้คณะกรรมการสมาคมฯชุดที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่กรรมการต่อไปจนกว่าจะได้มีการจดทะเบียนกรรมการชุดใหม่ตามกฎหมาย

เมื่อเป็นเช่นนี้ตนจึงทำการฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้ปลดกรรมการออกจากตำแหน่งสองชุดคือ กรรมการจำนวน 15 คนชุดที่ 11 ประกอบด้วยประธานนายประมวล ทั่งกลาง รองประธานนายประสาทศิลป์ ฉิมนอก นายมานิตย์ โชติทวีศักดิ์ และเหรัญญิกนายสมศักดิ์ ช่างไม้ ฯลฯ และกรรมการ 15 คน

ชุดที่ 10 นายประมวล ทั่งกลาง ประธาน นายเดชชาย ฟอพิมาย และนายนิตพิมล หาญชนะ รองประธาน และเหรัญญิก นายสมศักดิ์ จักสาร ฯลฯ ซึ่งกระทำการโดยไม่สุจริตมาแต่ต้น และจะต้องดำเนินการต่อกรรมการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา (ส.ส.นม.) ซึ่งมีสมาชิกมากถึง 23,208 คน สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์บุคลากรทางการศึกษาและสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจำกัด(ส.ฌ.นม.) สมาชิก 18,271 คน และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจำกัดและบุคลากรทางการศึกษานครราชสีมา สมาชิก 9,439 คน รวมทั้งสิ้น 50,918 คน ได้รับทราบว่าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ตั้งขึ้นมาและดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายพิชัยได้กล่าวถึงตัวแทนสมาชิกสมาคมฯ ส.ฌ.นม.และ ฌ.ส.นม. นายสำเภา ทวีผล ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายทะเบียนฯกลาง เมื่อเดือนธันวาคม 2562 พร้อมทั้งแนบพยานหลักฐานสำคัญ 23 อย่าง โดยเริ่มกล่าวถึงผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจฯ ขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมฯ 3 สมาคมทับซ้อนในหน่วยงานที่มีประชากรกลุ่มเดียวกันและเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจำกัด ด้วยการบังคับให้สมัครเป็นสมาชิกองค์กรใหม่ทั้งสอง จากเงื่อนไขการขอกู้เงินจากสหกรณ์ถ้าไม่สมัครเข้าเป็นสมาชิก ส.ฌ.นม.และ ฌ.ส.นม.สหกรณ์จะไม่อนุมัติให้กู้ และเมื่อสมาชิกสมาคมฯถึงแก่ความตายต้องมอบเงินสงเคราะห์ศพให้สหกรณ์หักไปชำระหนี้เงินกู้ของสหกรณ์เป็นลำดับแรกเพื่อเป็นหลักประกันในการกู้เงินกับสหกรณ์ ทั้งสองสมาคมฯที่เกิดใหม่ไม่เคยมีหนังสือเรียกประชุมใหญ่ในครั้งแรกและการประชุมใหญ่สามัญประจำปี

ดังนั้น ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฯ คณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่มีความจงใจร่วมกันกระทำผิดกฎหมายพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2545 และนายทะเบียนฯประจำท้องที่เทศบาลตำบลปรุใหญ่ยังได้จดทะเบียนทั้ง 3 สมาคมฯ

กลุ่มบุคคลสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจำกัด และผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฯ มีพฤติการณ์ดำเนินกิจการไม่เป็นไปโดยสุจริตตามกฎหมาย กรรมการและเจ้าพนักงานของสมาคมฯมีพฤติการณ์ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์จากการถึงแก่ความตายของประชาชนดังรายละเอียดที่แนบมาท้ายหนังสือนี้ โดยแบ่งเป็นพฤติการณ์แห่งคดีดังนี้ (1.) การบังคับให้สมาชิกสหกรณ์เป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ฯ ไม่เช่นนั้นสหกรณ์ไม่ให้เงินกู้ จึงเป็นการไม่ชอบตามมาตรา 4

(2.) วัตถุประสงค์การจัดตั้งเพื่อนำเงินสงเคราะห์ศพไปชำระหนี้สหกรณ์โดยให้สมาชิกเขียนมอบเงินฯให้สหกรณ์เป็นลำดับแรก ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์นอกจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามมาตรา 8  (3.) ปกปิดความจริงและนำหลักฐานเท็จไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนฯประจำท้องที่ให้รับจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้ตนกับพวกได้ประโยชน์จากการประชุมใหญ่ด้วยการปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสมาชิกต่อนายทะเบียนฯประจำท้องที่ตามมาตรา 24 ได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับสมาคมฯ จึงเป็นการจดทะเบียนที่มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 10 และยังมีข้อบังคับที่ไม่ถูกต้องตามมาตรา 13

และ (4.) สมาคมฯทั้งสองมีพฤติการณ์การจัดทำหลักฐานการรับ-การจ่ายเงินให้สมาชิกโดยไม่สุจริต โดยให้สหกรณ์ฯออกใบเสร็จรับเงินแทนสมาคมฯทั้งสอง เพื่อเก็บค่าสงเคราะห์สมาชิก และสมาชิกไม่สามารถตรวจสอบได้จ่ายค่าสงเคราะห์ศพให้สมาชิกผู้ใด ไม่มีชื่อ-นามสกุลสมาชิกผู้ตาย แต่ให้สหกรณ์เก็บค่าสงเคราะห์ระบุแต่เพียงว่าจำนวนกี่ราย และไม่ทราบว่าตายจริงหรือไม่ หรือมีการเรียกเก็บซ้ำศพเดิมหรือไม่ และประเภทของเงินที่จ่ายค่าสงเคราะห์ศพคือเงินประเภทใดผิดตามประกาศกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือประกาศนายทะเบียนกลางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

“เราต้องการให้นายทะเบียนฯกลางดำเนินคดีตามกฎหมายในบทกำหนดโทษตั้งแต่มาตรา 61-68 เพื่อหยุดยั้งการตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์โดยไม่สุจริตจำนวนมากจริงเกิดขึ้นเหมือนดอกเห็ด มีแทบทุกสหกรณ์ที่ปล่อยเงินกู้จำนวนตั้งแต่ 2 ล้านขึ้นไป ถ้าท่านไม่ทำหน้าที่ก็อาจถือได้ว่าปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ยังศาลทุจริตฯ ตามกฎหมายต่อไป” นายพิชัยกล่าว.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แสดงความคิดเห็น