ถือฤกษ์วันครูขอนแก่น “ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล” ประธานชมรมสมาชิกสหกรณ์ครูขอนแก่น แจ้งความดำเนินคดีกับ “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ อดีตผู้จัดการสหกรณ์ครูขอนแก่น และคณะกรรมการฯ ฐานทุจริตยักยอก ปลอมเอกสาร ฉ้อโกงเงินสมาชิกสหกรณ์ ไปลงทุนกิจการอันเป็นประโยชน์ต่อตนเองและบุคคลอื่น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 มกราคม 2563 ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล ประธานชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด พร้อมด้วยคณะประกอบด้วย นายไพฑูรย์ พิมพ์ทอง รองประธานฯ ดร.จิรพงษ์ ไชยยศ รองประธาน นายอุดม สงวนชม รองประธานฯ ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ชัยวัฒน์ ขวาสุด พนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่น เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษเนื่องจากได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้เนื่องมาจากมีกลุ่มบุคคลที่เป็นและเคยเป็นคณะกรรมการดําเนินการและผู้จัดการสหกรณ์ฯ ได้ร่วมกันทําการทุจริตยักยอกเบียดบัง สร้างเอกสารทางบัญชีอันเป็นเท็จ (ปลอมเอกสาร) และหลอกลวง ฉ้อโกงพวกตนและสมาชิกอื่นจนได้ไปซึ่งผลประโยชน์โดยเฉพาะเงินทั้งจากสหกรณ์ฯ และจากพวกตนและสมาชิกคนอื่น
เหตุเพราะหลงเชื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่ได้ร่วมกันนําเอกสารทางบัญชีอันเป็นเท็จ ที่มีการตกแต่งปลอมแปลงตัวเลขข้อมูลให้ผิดไปจากความจริงแล้วนํามาหลอกลวงพวกตนและและสมาชิก ให้หลงเชื่อว่าฐานะทางการเงินของสหกรณ์ฯมีความมั่นคงและมีผลกําไรเป็นจํานวนมาก
“ข้าพเจ้าและสมาชิกหลายคนได้หลงเชื่อ ทำให้ได้เพิ่มเงินลงหุ้นและ/หรือเงินฝาก หลายคนไม่เคยสมัครเป็น สมาชิกสหกรณ์ฯ ก็ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกและพวกข้าพเจ้าทราบว่ากลุ่มบุคคลที่กระทําการทุจริตยังนํา เงินที่ได้จากการยักยอก–ฉ้อโกงจากการทุจริตไปลงทุนในกิจการอันเป็นผลประโยชน์ทั้งของพวกเขาและบุคคลอื่นอันน่าจะเป็นลักษณะการฟอกเงินอีกด้วย”
ในร่างคำให้การระบุว่า เหตุเริ่มต้นแห่งการทุจริตน่าจะมาจากการที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวใช้อุบายหลอกลวงว่า จะนําเงินสหกรณ์ฯ ซึ่งเป็นเงินที่สมาชิกนํามาฝากและลงหุ้นไปลงทุนทําธุรกิจค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่ เรียกว่า “แชร์ลอตเตอรี่” เมื่อประมาณปี พ.ศ.2553 แต่ในที่สุดนอกจากจะไม่มีการลงทุนดังกล่าวจริงแล้ว
ปรากฏว่าการลงทุนธุรกิจนั้น สหกรณ์ฯไม่สามารถกระทําได้ เพราะขัดต่อกฎหมายและเจตนาของการ ดําเนินงานของสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งกลุ่มบุคคล ดังกล่าวรู้ดีว่าขัดต่อกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจน
พวกตนจึงเห็นในเบื้องต้นว่า กลุ่มบุคคล ดังกล่าวน่าจะร่วมกันกระทําความผิด ข้อหายักยอกทรัพย์, ฉ้อโกงประชาชน ปลอมแปลงและใช้เอกสารสิทธิ ปลอม ทําการตกแต่งรายการทางบัญชีอันเป็นเท็จ กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงินและซ่อง โจร หรือหากทางการสอบสวนพบว่า มีข้อหาหรือความผิดใดที่นอกเหนือจากนี้ ก็ขอให้ดําเนินคดีทุกข้อหา ความผิด และหากเจ้าพนักงานสอบสวนพบว่าความผิดใดที่พวกข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ข้าพเจ้าก็ถือเอาหนังสือร้องทุกข์ฉบับนี้ เป็นการแสดงเจตนา เพื่อกล่าวโทษบุคคลผู้ร่วมกันทุจริต ทำผิดต่อกฎหมายดังกล่าว และหากพบว่ามีบุคคลใดร่วมกระทำผิดขอให้ดำเนินคดีกับทุกคน
เหตุคดีนี้เกิดขึ้นที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ถนนมิตรภาพ ตำบลศิลา อ.เมืองจ.ขอนแก่น
โดยเริ่มต้นเหตุตั้งแต่กลางปี 2553 พวกข้าพเจ้าเพิ่งรู้ความผิด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 จึงเรียนมาพื่อโปรดพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ดร.วิศร์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้บันทึกปากคำตามทีฝ่ายสมาชิกฯได้แจ้งความร้องทุกข์ โดยยังไม่ได้ชี้แจงอะไร แต่ได้ขอหมายเลขโทรศัพท์ของตนและสมาชิกไว้เพื่อประสานงานต่อไป โดยคดีนี้อาจจะนำไปรวมกับกรณีสหกรณ์ฯที่ได้เข้าแจ้งความไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา อีสานบิซ ได้ร่วมกับสาขาวิชารัฐประศาสนศ่าสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชมรมสมาชิกสหกรณ์ฯ กลุ่มยุติธรรมภิวัฒน์ และเครือข่ายทนายความเพื่อการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมจัดเสวนาวิชาการ “ถอดบทเรียนการทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์และปัญหาหนี้สินครู”
โดยมีวิทยากรประกอบด้วย นายสมเกียรติ พงษไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงษ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น นายสันต์ เพียรรอดวงษ์ แกนนำสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมหาสารคาม นายพิชัย สมพงษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มประชารักษ์ ตรวจสอบทุจริตในสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์ จ.นครราชสีมา นายสำคัญ จงโกเย็น แกนนำครูจ.นครราชสีมา นายสานิตย์ พลศรี ประธานเครือข่ายพันธมิตรปกป้องการศึกษาชาติ แกนนำครูจังหวัดชัยภูมิ
ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงษ์ ประธาน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นใช้หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ควบคู่กันไปในการดูแลสมาชิกไม่ให้ได้รับผลกระทบ หากใช้หลักนิติศาสตร์เพียงอย่างเดียวอาจจะทำให้สมาชิกได้รับความเสียหายได้ เนื่องจากจะส่งผลต่อภาพลักษณ์สหกรณ์ครูฯ และสถาบันการเงินอาจไม่ไว้วางใจทำให้สหกรณ์ฯไม่มั่นคง
ทั้งนี้การตรวจสอบเงินหายไปจากบัญชีเงินฝากประจำของสหกรณ์ครูขอนแ่ก่น เนื่องจากตนได้นำสมุดบัญชีไปตรวจสอบยอดเงินจากธนาคารแต่พบว่า มีการขัดข้องและได้เดินทางไปสำนักงานสาขาที่กรุงเทพฯ ก็มีปัญหาเช่นกันจึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯและขอตรวจสอบรายการบัญชี หรือสเตจเมนท์ จึงทำให้รู้ว่าเงินหายไป
“สหกรณ์จะมีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อปันผลให้แก่สมาชิกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยผมยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสมาชิกแน่นอน แม้จะมีเงินหายไป แต่ก็รู้ตัวบุคคลที่จะต้องรับผิดชอบ
เราได้แจ้งให้บุคคลทีมีรายชื่อให้เข้ามาลงนามยอมรับสภาพการชดใช้เงินคืนต่อสหกรณ์ โดยหากไม่มีเงินสดก็จะต้องเอาหลักทรัพย์มาเพื่อค้ำประกัน จึงไม่มีผลกระทบต่อการประกอบกิจการของสหรณ์แน่นอน”ดร.อนุศาสตร์กล่าว (ติดตามรายละเอียดการเสวนาได้ทางเว็บไซต์และยูทูปอีสานบิซ)
………………