เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน ที่โบราณสถานปราสาทหลุ่งตะเคียน ต.หลุ่งตะเคียน อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา นายสุทา ประทีป ณ ถลาง เลขาธิการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่พักสงฆ์วัดโคกปราสาทได้บุกรุกพื้นที่ รอบตัวโบราณสถานที่มีอายุกว่าพันปี และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานครอบคลุมพื้นที่ 97 ไร่ 3 งาน 79 ตารางวา พบสิ่งปลูกสร้างจำนวน 107 จุด เช่นกุฏิสงฆ์ ศาลาปฏิบัติธรรม อาคารเดินจงกลม โรงครัว โรงจอดรถยนต์ เจดีย์ ศาลาการเปรียญ ห้องเก็บของ ถนนคอนกรีต ฯ ถูกครอบครองโดยค่อมทับตัวปราสาททำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปประกอบพิธีกรรมได้
พบ ดร.สุขอนันต์ วังสุนทร ประธานองค์การสืบสวนการทุจริต FIO พร้อมนายละมุน ยังพิมาย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลุ่งตะเคียน นางสาวเบญจวรรณ เพียรยิ่ง แกนนำและชาวบ้านได้นัดรวมตัวสำแดงพลังทวงคืนโบราณสถานอายุกว่า 1 พันปี ซึ่งมีผู้อ้างสิทธิ์ขอออกโฉนดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ ฝ่ายปกครอง อ.ห้วยแถลง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยแถลง สำนักงานที่ดิน อ.ห้วยแถลง สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้ดำเนินการรังวัดตรวจสอบที่ดินรวมทั้งสอบสวนที่มาที่ไปของการออกเอกสารแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (สค.1) ต่อมานายละมุน ฯ รองนายก อบต.หลุ่งตะเคียน ได้ยื่นหนังสือคัดค้านกับเจ้าหน้าที่ สนง.ที่ดิน อ.ห้วยแถลง ท่ามกลางบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด
ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งท้องถิ่นและจังหวัดได้เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง จนกระทั่งอธิบดีกรมศิลปากรได้มีหนังสือคำสั่งให้ที่พักสงฆ์ที่บุกรุกให้รื้อย้ายออกจากพื้นที่โบราณสถาน แต่ทางที่พักสงฆ์ได้อ้างเอกสารสิทธิ สค.1 ในการเข้าใช้พื้นที่และไม่ยินยอมย้ายออก ทำให้เกิดความขัดแย้งและกระทบกระทั่งระหว่างชาวบ้านและที่พักสงฆ์รวมทั้งมีคดีฟ้องกัน ส่วนภาครัฐได้พยายามเป็นคนกลางนัดคู่กรณีไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เร่งหาข้อยุติโดยเสนอให้ถอยคนละก้าว เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายมากที่สุด แต่ที่พักสงฆ์ไม่ยอมรื้อย้ายออกไป อ้างมี สค.1 จึงมั่นใจทำถูกต้องตามเอกสารสิทธิที่ได้มาโดยชอบ ส่วนชาวบ้านต้องการให้การดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากการปลูกสร้างอาคารค่อมทับตัวปราสาททำให้โบราณสถานเสื่อมค่าและมีสิ่งของโบราณที่ตัวปราสาทสูญหายหลายรายการ
ดร.สุขอนันต์ เปิดเผยว่า การตรวจสอบรังวัดครั้งนี้ จนท.อ้างอาจถูกร้องเรียนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เหตุใดจึงดำเนินการออกโฉนดให้ตามขั้นตอนไม่ปฏิเสธตามระเบียบข้อบังคับตั้งแต่แรก ทั้งๆเป็นที่ดินสาธารณะ ทำให้เกิดความขัดแย้งกับชาวบ้านรวมทั้งความเสียหาย ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นภาษีประชาชน อย่างไรก็ตามเราจะแจ้งความดำเนินคดีข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายละมุน รองนายก อบต.หลุ่งตะเคียน เปิดเผยว่า แนวเขตที่ดินที่ผู้อ้างถือกรรมสิทธิ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากที่ดินแห่งนี้ไม่ใช่พื้นที่สำหรับทำประโยชน์ของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นพื้นที่สาธารณะ ตนในฐานะตัวแทนชาวบ้านจึงขอคัดค้านการออกเอกสารสิทธิ์และให้ดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ยืนยันที่ดินผืนนี้เป็นสมบัติของบรรพบุรุษ จึงต้องรักษาไว้
นายรุ่งนภา พันทองบุตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ต.หลุ่งตะเคียน กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นพื้นที่แห่งนี้เป็นป่าชุมชนสาธารณะไม่มีผู้ใดถือครองกรรมสิทธิ์เป็นของส่วนตัวเพื่อทำประโยชน์แต่อย่างใด ยืนยันที่ดินผืนนี้เป็นสมบัติของชาติ