กรณี น.ส.สันธิลา จันดาหาร อายุ 17 ปี ชาวอุดรธานี แจ้งตำรวจว่า น.ส.สาวดี พุทธผาย อายุ 48 ปี โดนพระอนุชา ทับประดิษฐ์ อายุ 48 ปี เพื่อนพ่อเลี้ยง เดินทางจาก จ.กาญจนบุรี กลับมาเยี่ยมบ้าน ได้ปักกลดที่กระท่อมนาพ่อเลี้ยง แถมขอร่วมวงก๊งเหล้าด้วย พอเมาได้ที่ขออึ๊บแม่ตน แต่แม่ปฎิเสธและบอกให้ไปอึ๊บกับหมา ทำให้พระอนุชาโกรธ ชกหน้าแม่จนล้มแล้วกระทืบซ้ำจนซี่โครงร้าว รักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แต่พระอนุชายังลอยนวล เมื่อตำรวจไปตามหากลับหลบหนี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.พงศ์พล ผิวผ่อง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งว่าพบพระอนุชา ทับประดิษฐ์ อายุ 48 ปี ผู้ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกาย น.ส.สาวดี พุธผาย อายุ 28 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสตาปูดบวม ซี่โครงร้าว เดินอยู่ในป่าหลังกระท่อมนานายศิลา ทบประดิษฐ์ อายุ 75 ปี ตำรวจจึงนำตัวมาโรงพัก ให้ พ.ต.ท.พัฒนวงศ์ จันทร์พล รอง ผกก.ป.นำการสอบสวน
โดยพระอนุชา เล่าว่า ปี 2555 ตนเคยถูกจับกับเพื่อนข้อหาลักทรัพย์ยางรถไถ ติดคุก 9 เดือน พอพ้นโทษออกมา ได้ไปบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ต่อมามีสีกามาติดพันธ์ จึงได้สึกมาอยู่กินกับสีกา แต่อยู่ได้ไม่ถึงปีก็แยกทางกัน ตนจึงกลับมาบวชอีกได้ 2 พรรษา เมื่อ 3 วันก่อน ได้เดินทางมาเยี่ยมพ่อที่บ้านสามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี แต่ได้ไปปักกลดที่กระท่อมนาเพื่อนซึ่งกำลังพากันเกี่ยวข้าว ตกค่ำเพื่อนได้ตั้งวงดื่มเหล้า คืนแรกไม่ได้เข้าไปร่วมวง
พระอนุชา เล่าต่อว่า แต่พอคืนที่ 2 ตนทนไม่ไหวจึงเข้าไปขอร่วมวงก๊งเหล้าด้วย โดยอ้างว่าแก้เหนื่อย ตนดื่มเหล้าทั้งคืนจนมีอาการมึนเมา ส่วนเรื่องทำร้ายเมียเพื่อน ตนขอปฎิเสธไม่ได้ทำ แต่ น.ส.สาวดีกับสามีดื่มเหล้าจนเมาแล้วทะเลาะกัน ตนจึงเข้าไปห้ามปราม แต่บางครั้งก็พลั้งเผลอชกบ้าง ไม่คิดว่าเมียเพื่อนจะมาใส่ร้ายตน ตนก็แค่ดื่มเหล้าและสูบกัญชา แต่ไม่ได้เสพยาบ้าแต่อย่างใด
ตำรวจจึงได้ขอดูใบสุทธิ แต่พระอนุชาไม่มีมาแสดง โดยอ้างว่าลืมที่วัด มีเพียงบัตรประชาชนมาแสดง ตำรวจจึงนำตัวไปสึกที่วัดมัชฌิมาวาส ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เสร็จแล้วแจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป