ทน.โคราช จ่าย 22 ล้าน ให้ผู้รับจ้างก่อสร้างประปาตามคำพิพากษา ศาล ปค.สูงสุด

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 30 มีนาคม ที่แผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ ศาลปกครองนครราชสีมา เจ้าหน้าที่สำนักการคลังเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ได้นำแคชเชียร์เช็คธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นเงินสะสมของสำนักการประปา จ่ายเงินกลางของสำนักงานศาลปกครองนครราชสีมา จำนวนเงิน 22,729,291 บาท มาวางศาล ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ให้จ่ายค่าชดเชยความเสียหายพร้อมดอกเบี้ยดังกล่าว ในปี 2550 ทน.นครราชสีมา ได้ตกลงว่าจ้างกิจการร่วมค้าเอส เอ (บริษัท ซีโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท อาควาไทย จำกัด ทำการก่อสร้างโครงการแก้ไขบัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ทน.นครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 3 /2550 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2550 วงเงินค่าจ้าง 3,060,000,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จภายในกำหนด 1,140 วัน ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างตามสัญญากลุ่มรักษ์ลำแชะ โดยนายธีระพล กับพวกรวม 91 คน ยื่นฟ้อง ทน.นครราชสีมาและกรมชลประทานต่อศาลปกครองนครราชสีมา ขอให้ยกเลิกโครงการ ฯ กับมีคำขอให้ศาลปกครองกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา วันที่ 15 ตุลาคม 2552 ศาลปกครองนครราชสีมามีคำสั่งคุ้มชั่วคราวให้ระงับการก่อสร้างจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น คดีหมายเลขดำที่ 174/2551 คดีหมายเลขแดงที่ 287/2551 วันที่ 27 ตุลาคม 2552
ต่อมาผู้รับจ้างได้มีหนังสือที่ SA/เทศบาล/009/2552 แจ้งผลของการระงับการก่อสร้างตามโครงการเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้ต้องรับภาระค่าใช้จ่าย คำเสียหายโดยไม่ใช่ความผิดของผู้รับจ้างวันที่ 7 ตุลาคม 2553 ศาลปกครองนครราชสีมาได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที 174/2551 คดีหมายเลขแดงที่ 283/2551 ให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครอง จากนั้นผู้รับจ้างได้ดำเนินก่อสร้างจนแล้วเสร็จในวันที่ 24 เมษายน 2558 กิจการร่วมค้า เอส เอ ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ทน.นครราชสีมา เนื่องจากคำสั่งระงับการก่อสร้าง 74,077,443.27 บาท พร้อมดอกเบี้ยและศาลปกครองนครราชสีมามีคำพิพากษาในวันที่ 10 สิงหาคม 2559 คดีหมายเลขดำที่ 103/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 174/2559 ตุลาการเสียงข้างมากให้ ทน.นครราชสีมา ชำระเงินชดเชยความเสียหายให้ผู้ฟ้องคดีจำนวนเท่ากับร้อยละ 50 ของค่าเสียหาย 38,038,221.36 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ทน.นครราชสีมา อุทธรณ์ถึงที่สุด วันที่ 4 มกราคม 2566 ศาลปกครองสูงสุดแก้คำพิพากษาศาลปกครองนครราชสีมาให้ ช่วยเหลือเยียวยาทดแทนความเสียหาย 14,815,288.65 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปีหรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ คิดคำนวณนับตั้งแต่วันฟ้องคดีที่จะต้องจ่ายจากเงินค่าชดเชย 14,815,288.65 บาท ดอกเบี้ย 7,914,002.47 บาท รวมทั้งสิ้น 22,729,291 บาท
แสดงความคิดเห็น