29 พ.ค.66 ชาวบ้านนาคำน้อย หมู่ 12 ตำบลนาคำ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น กว่า 30 คน พาเจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่น เข้าทำรังวัดที่ดินในพื้นที่ 8 ไร่ของนางพยุง ยมโคตร ชาวบ้านนาคำน้อย หลังได้ล้อมรั่วปิดกั้นเส้นทางเข้าออก ข้างที่ดินของตนเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นถนนที่ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางสัญจรทำการเกษตร และใช้ในการประกอบพิธีประเพณีบุญปากห้วยหรือบุญตบประทาย โดยมีเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาคำ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ชมรม strong จิตรพอเพียงต้านทุจริต จ.ขอนแก่น และกำนัน ผู้บ้านบ้านนาคำน้อยเข้าร่วมตรวจสอบ
นางทองมา จิตรชาตรี อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 12 บ้านนาคำน้อย ต.นาคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ที่ดินของตนมีทั้งหมดมีจำนวน 8 ไร่ อยู่ถัดเข้าไปจากที่ดินของนางพยุง ก่อนหน้านี้ก็ใช้เส้นทางนี้เข้าออกประจำ เพื่อไปทำไร่ทำนา จนเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา นางพยุงได้ล้อมรั่ว พร้อมนำป้ายมาติด ไม่ให้ใครสัญจรผ่าน ตนและชาวบ้านที่มีที่ดินอยู่ถัดเข้าไปจำนวน 5 ครอบครัว ก็ไม่สามารถเข้าไปทำการเกษตรได้ อีกทั้งเส้นทางแห่งนี้ เดิมชาวบ้านใช่เป็นเส้นทาง เข้าไปบวงทำพิธีสรวงลำห้วย และงานประเพณีตบุญตบประทาย พอมาปิดถนนประเพณีที่เคยทำ ก็คงไม่มีอีกต่อไป จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่ดินมารังวัดที่เพื่อความชัดเจน เพราะตอนนี้เดือนร้อนอย่างหนัก ไม่มีเส้นทางเข้าไปทำไร่ทำนา
ด้านนายปรีชา จิกชาตรี อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 446 หมู่ 4 ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้ซึ่งที่ดินจำนวน 8 ไร่ 3 งานไว้ และต้องใช้ถนนเส้นนี้เข้าไปทำการเกษตร หลังมีการปิดถนน ตนได้ไปตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินอำเภออุบลรัตน์แล้ว พบว่าที่ดินตรงที่นางพยุงนำเสาลวดหนามมาปิดกั้นนั้น มีถนนเข้า-ออก จึงได้เอกสารแจ้งให้กับเจ้าของที่ทราบ แต่นางพยุงเจ้าของที่กับบอกว่า ถ้าอยากได้ให้เอาที่ดินมาแลก ตนมองว่าไม่ถูกต้อง จึงได้นำหลักฐานที่มีทั้งหมดไปร้องกับศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัดขอนแก่น และยืนยันว่าถนนเส้นนี้มีมานานกว่า 80 ปีแล้ว เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านใช้สัญจรเข้าออกเป็นประจำ ทั้งเข้าไปทำสวน ทำไร่ ทำนา และประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่บริเวณลำห้วยสารธารณะ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าห้วยปากห้าม ที่อยู่ถัดเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร และในวันนี้ ตนและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ได้เดินทางมาตามคำเชิญของที่ดินอำเภออุบลรัตน์ เพื่อเป็นพยานในการตรวจสอบร่วมกัน
ขณะที่นายฉัตรชัย ข้อยุ่น ประธานชมรม strong จิตรพอเพียงด้านทุจริตประจำจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารแล้ว ภายในเอกสารได้ระบุว่าถนนเส้นนี้เป็นถนนสาธารณะประโยชน์อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันเจ้าของที่ดิน ที่มีการปิดกั้นถนนนั้น ก็ไม่ยอมรับตามเอกสาร ยืนยันเป็นที่ของตนเอง ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่จากทางเทศบาลตำบลนาคำ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งชาวบ้าน จึงได้มาหาทางออกร่วมกัน และจากผลการรังวัดของเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดขอนแก่น ก็พบว่า ต้องหาแนวเขตที่ดินเดิมใหม่ทั้งหมด เพราะเนื่องจากพื้นที่บางแห่งที่มีในฉโนดไม่พบเส้นทางถนน แต่บางฉโนดมีเส้นทางสัญจร ดังนั้นจึงต้องมีการเจรกันระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง คือเทศบาลตำบลนาคำ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น และเจ้าของที่ดินที่คัดค้านไม่เอาถนน คือนางพยุง ยมโคตร หากผลการเจรจาไม่มีผล ต้องฟ้องศาลภายใน 90 วัน ซึ่งระหว่างนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบคือชาวบ้านที่มีที่ดินอยู่ถัดเข้าไป เพราะช่วงนี้อยู่ระหว่างการทำนาปลูกข้าวนาปี.