ขอนแก่น เสื้อแดงอีสานวอaนเข้าใจ “เพื่อไทย” ยอมกลืนเลือดเพื่อชาติ

9 ส.ค.66 ผศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายบทบาทสตรีเสื้อแดงภาคอีสาน ให้ความเห็นถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยแถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ว่า เวลานี้เราต้องแยกเหตุการณ์ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ก่อนวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 ซึ่งทุกพรรคก็พยายามใช้วาทกรรมเพื่อที่จะให้ประชาชนสนับสนุนพรรคของตนเอง ในความเป็นจริงจะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยใช้รูปแบบการหาเสียงสนับสนุนแบบนี้น้อยกว่าพรรคอื่นด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนั้นเป็นการหาคะแนนเสียงสนับสนุน แต่ตอนนี้มันเป็นอีกระยะหนึ่ง เป็นเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเราต่างรู้กันดีว่า เป็นการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้กรอบกติกาที่เผด็จการวางเอาไว้ โดยมี ส.ว. จำนวน 250 คน ที่คอยสกัดอำนาจของประชาชน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนตอนที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ผ่านการโหวตเป็นนายกฯ คราวนี้เมื่อฝ่าประชาธิปไตย 2 ค่ายใหญ่ คือ พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคก้าวไกลมีโอกาสในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่สามารถผ่านด่าน ส.ว. ได้ จึงเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการฝ่าด่านเผด็จการให้ได้ เพื่อให้ได้อำนาจมาสู่ประชาชนอย่างแท้จริง

“บางครั้งมันจำเป็นต้องกลืนเลือดตัวเอง โดยการข้ามไปแตะมือกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่า นี่เป็นทางออกทีเหมาะสมในเวลานี้ดีกว่าที่เราจะไปแตะมือกับทหาร อย่างน้อยพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ ยังสามารถพุดคุยกันได้ โดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เคยร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดังนั้นเวลานี้จึงเป็นเรื่องของ ส.ส. และพรรคเพื่อไทย ที่จะต้องรีบจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด”

 ผศ.พรรณวดี กล่าวอีกว่า ตนเองเองไม่เห็นด้วยกับกลุ่มด้อมส้ม กลุ่มทะลุฟ้า กลุ่มทะลุวัง มาสร้างความวุ่นวาย มันทำให้วัฒนธรรมทางการเมืองของประเทศไทยเสื่อมถอย เวลานี้บ้านเมืองต้องการความสงบ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เมื่อไหร่ที่มีแต่ความวุ่นวายก็ทำให้คนเสื้อแดงอย่างเราคิดย้อนถึงประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดความรุนแรงขึ้น ตอนนี้เราต้องการสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้ดีขึ้น ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยว เวลานี้หากกลุ่มไหนที่ออกมาสร้างความวุ่นวาย ก่อกวน ก็จะได้รับการตำหนิจากประชาชน ซึ่งตอนนี้หลายฝ่าย ไม่เพียงเฉพาะคนเสื้อแดงเท่านั้นที่ตำหนิพรรคก้าวไกล แม้ว่าพรรคก้าวไกลอาจจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวโดยตรง แต่ทำให้เชื่อได้ว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เป็นการแพ้แต่ไม่รู้จักแพ้ ตนเองเข้าใจ เห็นใจพรรคก้าวไกล แต่พรรคก้าวไกลก็ต้องพยายามใช้เวลาในการต่อสู้ เพราะการต่อสู้กับเผด็จการเบ็ดเสร็จไม่สามารถทำได้รวดเร็วอย่างที่คิด เหมือนกับการที่เราจะกระโดดข้ามคลอง แต่ตัวเรายังไม่ได้อยู่ในวัยที่แข็งแกร่งมากพอ ก็ไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้ ดังนั้นในเวลานี้ที่เราไม่สามารถกระโดดข้ามได้ เราควรหันมาช่วยกันค่อย ๆ สร้างสะพานให้ข้ามคลองให้ได้

อยากให้พรรคก้าวไกล ยกมือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล จะทำให้พรรคก้าวไกลได้รับความชื่นชมจากประชาชน แต่หากพรรคก้าวไกลยังสร้างความวุ่นวาย ก่อกวน ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนตำหนิว่าทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง ปูทางให้ทหารออกมาทำรัฐประหาร ซึ่งหากเป็นเช่นนี้พรรคก้าวไกลต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่จะตามมา ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ ก็เป็นกติกาทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องของบุญคุณอะไรทั้งสิ้น กรณีที่พรรคเพื่อไทยฉีก MOU และตัดพรรคก้าวไกลออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสังคมมองว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ มองว่า เป็นเพียงวาทกรรมที่นำมาปลุกปั่นจนผู้คนวิปริตไปแล้ว ฉะนั้นเราจะต้องดึงทุกคนกลับมาอยู่กับความเป็นจริง อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลทำหน้าที่ไม่ดี ประชาชนก็ไม่เลือก แต่หากทำงานได้ดีก็จะได้รับเลือกอย่างถล่มทลาย ส่วนพรรคก้าวไกลหากยังสร้างความวุ่นวายปั่นป่วน จนนำไปสู่การเปิดทางให้ทหารออกมาทำรัฐประหาร ประชาชนก็จะรุมพรรคก้าวไกลว่าเป็นตัวการทำให้ทหารทำรัฐประหาร

 ผศ.พรรณวดี ระบุว่า กรณีที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งแสดงออกถึงความไม่พอใจทั้งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยและตัวของหัวหน้าพรรคนั้น จากการประเมินแล้วมองว่า เป็นเรื่องที่ผิดวิสัยทางธรรมชาติ คิดว่าจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งปกติแล้วคนเราจะไม่สู้ ไม่รุนแรงถึงขั้นเอาเป็นเอาตายกันขนาดนี้ มองว่าเป็นการปลุกปั่น เพราะเท่าที่เห็นก็มีเพียงประเด็นกัญชาเท่านั้น และกรณี “เขากระโดง” แต่เชื่อว่าจะต้องอะไรที่มากกว่านั้นแน่นอน เมื่อบ้านเมืองเรากลับมาสงบ ฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ก็ถึงเวลาที่คุณทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาปะเทศไทย เพราะตอนนี้ประชาชนโดยเฉพาะคนเสื้อแดงสงสารท่าน เพราะเป็นบุคคลหนึ่งที่ถูกกระทำโดยอำนาจเผด็จการ พอเราทราบข่าวว่าท่านจะกลับมาในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ทุกคนต่างก็ดีใจ ท้ายที่สุดเมื่อบ้านเมืองกลับมาเป็นประชาธิปไตย ท่านก็ควรจะกลับมาอย่างผู้ยิ่งใหญ่ ท่านคือสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย ความขัดแย้งต่าง  ๆ ต้องจบลงได้แล้ว ประเทศไทยจะช้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

แสดงความคิดเห็น